นายวีระพัฒน์ ถกลศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์คุณภาพชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจในโอกาสครบรอบ 45 ปี ว่า บริษัทมีแนวทางในการทำตลาดที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์มุ่งสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ซึ่งปัจจุบันนับว่าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในสินค้าของไบโอฟาร์มมากขึ้น สามารถทำตลาดได้ดีและเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ
"ไบโอฟาร์มเน้นการสร้างนวัตกรรมสินค้าที่มีคุณภาพจากงานวิจัยและพัฒนา รวมทั้งเน้นไปที่การสร้างแบรนด์เพื่อให้เกิดการยอมรับในด้านคุณภาพและประสิทธิผลเป็นสำคัญ หากมองในภาพรวมซึ่งไบโอฟาร์มเองไม่ได้ทำตลาดเพียงแค่ในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว โดยจำเป็นต้องมองในเรื่องของการส่งออกเพื่อขยายตลาดในต่างประเทศด้วย อุตสาหกรรมของประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้าง Thailand Brand หรือตราสัญลักษณ์สินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับ โดยจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ที่มีจุดแข็งและจุดขายแบบ Thailand Brand เพื่อผู้บริโภคและคู่ค้าในระดับนานาชาติเกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าที่ผลิตโดยคนไทยมากขึ้น" นายวีระพัฒน์ กล่าว
ในปีนี้ บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด และบริษัท ไบโอแลป จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิต จะมีการลงทุนด้านการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาด และให้ผู้บริโภคคนไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ มหาวิทยาลัยชั้นนำ อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพโดยใช้ผลการวิจัยและพัฒนาที่ถูกต้องน่าเชื่อถือเป็นหลัก
ปัจจุบัน ไบโอฟาร์มมีการทำตลาดผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็น 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.Carbapenem 2.Thermal sterile 3.ยาเม็ด 4.ยาน้ำ 5.Cephalosporin6.ยาฮอร์โมน 7.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยมีช่องทางการขายในส่วนของโรงพยาบาลเป็นตัวชูโรง ซึ่งส่วนที่เหลือเป็นช่องทางร้านของยา โมเดิร์นเทรด และ Ecommerce โดยมีหลักการบริหารงานที่ต้องการผลักดันให้สัดส่วนตลาดในแต่ละช่องทางใกล้เคียงกันให้ได้มากที่สุด
นอกจากการทำตลาดในประเทศแล้ว ปัจจุบันที่ไบโอฟาร์มฯ เดินหน้าทำตลาดสินค้าใน 15 ประเทศ ซึ่งอาเซียนนับเป็นตลาดหลักที่มีศักยภาพ จากจุดแข็งด้านคุณภาพและมาตรฐานการผลิต โดยที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการเข้าไปทำตลาดผ่านตัวแทนการค้าประเทศต่าง ๆ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีผลิตภัณฑ์ที่นำไปเป็นตัวชูโรงในการบุกตลาด คือ ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร Belcid Suspension และ ยาสามัญประจำบ้าน Belcid Forte ผลิตภัณฑ์กลุ่มแคลเซียม Calvin เวชภัณฑ์ในกลุ่มยาปฏิชีวนะ รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีตลาดเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง ภูฏาน ศรีลังกา มองโกเลีย รวมทั้งตลาดแอฟริกา และตะวันออกกลางในบางประเทศ เช่น ไนจีเรีย เยเมน ซึ่งบริษัท ฯ ยังคงเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายต่อไปของไบโอฟาร์ม คือ การก้าวสู่ผู้นำในตลาดระดับภูมิภาค โดยมองว่าประเทศอินโดนีเซีย เป็นตลาดที่น่าสนใจและมีความท้าทายในการเข้าไปเปิดตลาดเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์ยา และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในปีนี้ ไบโอฟาร์มฯ มองว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจมากพอสมควรท่ามกลางการแข่งขันค่อนข้างสูง ซึ่งโอกาสมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยเต็มรูปแบบในอีก 2 ปีข้างหน้า การที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลที่มีผลต่อช่องทางการทำตลาดและการสร้างการรับรู้ในตัวสินค้ามากขึ้น โดยมูลค่าของตลาดในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ประมาณ 5 – 7 % ในทุกปี