มร. เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย กล่าวในระหว่างการประชุมภายในว่า "5G เป็นแค่เครื่องเคียง ส่วน AI เป็นอาหารจานหลัก และ AI จะอยู่ในแผนการพัฒนาเชิงกลยุทธ์หลักของหัวเว่ย" ในเดือนสิงหาคมนี้ หัวเว่ยได้เปิดศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จังหวัดซูโจว มณฑลเจียงซูในภาคตะวันออกของจีน ศูนย์วิจัยแห่งใหม่นี้จะมุ่งเน้นการทดสอบการนำ AI ไปใช้เพื่อสร้างสมาร์ทชิตี้และพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะ
เครือข่าย 5G เป็นเครือข่ายที่มีแบนด์วิดท์สูง ค่าความหน่วงเวลาต่ำ (Low latency) และพร้อมรองรับงานวิจัยและพัฒนา AI มร. เหริน กล่าวโดยเปรียบเทียบว่า 5G เป็นดั่งไขควงและ AI ก็เป็นรถยนต์ แล้วกล่าวว่า "ไขควงนั้นมีไว้ใช้ประกอบรถยนต์ แต่มันก็ไม่ใช่รถยนต์"
ตอนนี้เราได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาเทคโนโลยี AI แล้ว ในอีก 10 ถึง 15 ปีข้างหน้า AI จะมีความฉลาดในระดับเท่า ๆ กับความฉลาดของมนุษย์ โดยเฉลี่ย และในอีก 2-3 ปี การใช้ AI จะมีความแพร่หลายมากขึ้น
มร. เหริน กล่าวว่า "การพัฒนา AI ต้องได้รับการสนับสนุนจากซุปเปอร์คอมพิวติ้ง ที่จัดเก็บข้อมูลความจุสูงพิเศษ และการเชื่อมต่อที่มีความเร็วระดับซุปเปอร์สปีด สหรัฐอเมริกาเองมีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์และที่จัดเก็บข้อมูลความจุสูงแล้ว แต่ไม่มีการเชื่อมต่อระดับซุปเปอร์สปีด เพราะมีเครือข่ายไฟเบอร์ออปติกไม่เพียงพอ นี่เป็นสาเหตุให้สหรัฐฯ ยังล้าหลังในวงการอุตสาหกรรม AI"
มร. เหรินประกาศกับพนักงานหัวเว่ยว่า บริษัทมีความมั่นใจว่าจะฝ่าฟันและรอดพ้นการโจมตีจากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ "เราเจ็บปวดจากบาดแผล แต่เราต้องเข้าเส้นชัย" และกล่าวอีกว่า "เหล็กกล้าถูกหลอมขึ้นมาด้วยความร้อน และพนักงานของเราจะเป็นดั่งเหล็กกล้า เราต้องอดทนต่อแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกา เราจะไม่เพียงอยู่รอด แต่เราต้องชนะ"
มร. เหริน ให้สัญญาว่า ในอีกห้าปีข้างหน้า หัวเว่ยจะสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถมาเข้าร่วมทีมวิจัยและพัฒนาให้มากขึ้น โดยทีมดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเคย
ยกตัวอย่างเช่น หัวเว่ยให้เงินรางวัลมูลค่า 229,800 ดอลลาร์สหรัฐ แก่นักศึกษาระดับปริญญาตรี 3 คน ที่ชนะการแข่งขัน ASC Student Supercomputer Challenge ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และยังให้ค่าจ้างรายปีมูลค่าถึง 2 ล้านหยวน หรือประมาณ 290,000 ดอลลาร์สหรัฐ แก่ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาเอกและพนักงานผู้เชี่ยวชาญรวม 8 คน ทั้งจากประเทศจีนและต่างประเทศ
นอกจากการหาคนเก่งๆ มาร่วมทีมแล้ว หัวเว่ยยังจะเพิ่มเงินเดือนให้แก่ทีมนักวิทยาศาสตร์จำนวน ปัจจุบัน หัวเว่ยมีพนักงานเป็นนักคณิตศาสตร์มากกว่า 700 คน นักฟิสิกส์ 800 คน และนักเคมี 120 คน นอกจากนี้ยังมีทีมนักวิจัยมากประสบการณ์อีก 15,000 คนอีกด้วย
มร. เหริน ให้สัมภาษณ์ว่า "AI จะพัฒนาในวงกว้างมากขึ้น และเราต้องหานักคณิตศาสตร์ชั้นนำจำนวนมากขึ้นมาร่วมงานกับเรา"
ติดต่อ:
n/a
หมวดข่าว: ไอที
คำค้น: หัวเว่ย, Huawei, AI, เหริน เจิ้งเฟย, Ren Zhengfei