ปัญหาขยะพลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งถือเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งร่วมมือกันแก้ไข จากรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทยปี 2561 โดยกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นว่า ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีขยะมากถึง 27.93 ล้านตัน หรือวันละกว่า 76,000 ตัน เป็นขยะพลาสติกกว่า 2 ล้านตัน โดยสามารถนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ประมาณ 500,000 ตัน หรือ 1 ใน 4 ส่วนเท่านั้น ที่เหลือกว่า 1.5 ล้านตันจึงกลายเป็นขยะพลาสติกโดยสมบูรณ์ โดยขยะพลาสติกบางส่วนไม่ได้รับการกำจัดอย่างถูกต้อง โดนทิ้งไว้ในระบบนิเวศธรรมชาติ ส่งผลให้แต่ละปี มีขยะพลาสติกจากทั่วโลกจำนวนมากที่ไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสม และตกค้างอยู่ในแหล่งต่างๆ ทั้งบนบกและในน้ำ โดยเฉพาะที่เข้าไปสู่ท้องทะเล ซึ่งประเทศไทยอยู่อันดับที่ 6 ของโลกที่ปล่อยขยะออกสู่ท้องทะเล ส่งผลให้สัตว์น้ำและระบบนิเวศประสบกับภาวะเสี่ยง รวมทั้งเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับการจากไปของ "มาเรียม" พะยูนน้อยขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ ที่เกิดอาการช็อกเนื่องจากมีเศษพลาสติกหลายชิ้นวางขวางลำไส้
นายโรเบิร์ต แคนเดลิโน ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เมียนมา ลาว และกัมพูชา กล่าวว่า "ซันไลต์มีความมุ่งมั่นในการลดการใช้พลาสติกให้ได้มากที่สุด ตามแนวนโยบาย "ปฏิวัติพลาสติก" ของยูนิลีเวอร์ เพื่อพัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค ยกระดับคุณภาพชีวิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้น ซันไลต์ในฐานะผู้นำตลาดน้ำยาล้างจานในประเทศไทย ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่หนึ่งอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในแบบขวดพลาสติกมากที่สุดประมาณ 100 ล้านขวด จึงได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ ซึ่งเปลี่ยนจากการใช้พลาสติก HDPE มาเป็นพลาสติก PET ตั้งแต่ปี 2560 และล่าสุด ซันไลต์ได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติก PET ที่ทำมาจากพลาสติกรีไซเคิล 100% ทั้งหมดนี้ทำให้สามารถลดการใช้พลาสติกทั้งสิ้นราว 551 ตันต่อปี
ซันไลต์ได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์และนำเทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่เข้ามาใช้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทุก SKU ของซันไลต์ให้เป็นพลาสติกรีไซเคิล 100% ภายในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของเครือยูนิลีเวอร์ทั่วโลกที่ตั้งไว้ที่ปี 2568 โดยมีการดำเนินการในเชิงรุกตามนโยบายปฏิวัติพลาสติก เพื่อช่วยลดจำนวนขยะพลาสติกในระบบนิเวศและสร้างการเติบโตของแบรนด์อย่างยั่งยืน ดังนี้
- สิงหาคม 2560 เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขวดดีไซน์ใหม่ เปลี่ยนขวดพลาสติก HDPE จากขวดกลมทึบสีเหลืองที่ใช้มาอย่างยาวนาน เป็นขวด PET ขวดพลาสติกใสคุณภาพสูง ที่สามารถมองเห็นสีและปริมาณน้ำยาล้างจานในขวดได้ชัดเจน พร้อมดีไซน์พิเศษรูปกลีบมะนาวเพื่อการหยิบจับกระชับมือ อีกทั้งส่งผลให้ลดใช้พลาสติกได้ถึง 274 ตันต่อปี เทียบเท่ากับขวดซันไลต์ขนาด 150 มล. จำนวน 26 ล้านขวด
- มกราคม 2562 เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำขวดบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกผลิตใหม่ (Virgin Plastic) มาเป็นพลาสติกรีไซเคิล 100% (Post-Consumer Recycled – PCR) เพื่อลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single Use Plastic) และยังช่วยลดก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกได้ถึง 56%
- เป้าหมายภายในสิ้นปี 2563 เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์แกลลอน จากขวดพลาสติก HDPE เป็นพลาสติกรีไซเคิล 100%
- เป้าหมายภายในปี 2565 เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ถุงเติมจากพลาสติกที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ให้เป็นพลาสติกรีไซเคิล 100% ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์ทุก SKU ของซันไลต์เป็นพลาสติกรีไซเคิลได้เร็วขึ้นจากเป้าหมายเดิมของบริษัทฯ ถึง 3 ปี อีกด้วย
นอกจากการ "ปฏิวัติพลาสติก" ตั้งแต่ต้นทางการผลิตแล้ว ซันไลต์ ยังมีแนวคิดให้ผู้บริโภคตระหนักและเห็นความสำคัญในการ ลด-ละ-เลิก ใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง โดยการหันมาเลือกใช้พลาสติกรีไซเคิลให้มากขึ้น การนำบรรจุภัณฑ์มาใช้ซ้ำ รวมไปถึงการจัดการกับบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช้แล้วอย่างเหมาะสม เช่น การแยกขยะ และการนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ต่อจากต้นทางอีกด้วย พร้อมกันนี้ ซันไลต์ ยังได้เจาะฐานผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยเฉพาะปัญหาขยะพลาสติก ด้วยการร่วมมือกับ 3 สถาบันอุดมศึกษา ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จัดโครงการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากพลาสติกเหลือใช้ และจัดแสดงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ทั่วประเทศพึ่งพาพลาสติกในชีวิตประจำวันให้น้อยลงและใช้พลาสติกอย่างคุ้มค่าที่สุด นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายผลกิจกรรมไปสู่เครือข่ายร้านค้า 7-11 ด้วยการสร้างแคมเปญรณรงค์การใช้พลาสติกรีไซเคิล พร้อมวางแผนการสื่อสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์ สื่อประชาสัมพันธ์ในร้านค้า และสื่อนอกบ้าน
ซันไลต์เชื่อว่า ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและธุรกิจย่อมต้องดำเนินเคียงข้างเสมอ ธุรกิจต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม และเราทุกคนก็ควรช่วยกันสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน