นายวัชรพงษ์ วงษ์มา ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ เล่าว่า " การเติบโตของเบ็นคิวเป็นผลมาจากกลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมและโซลูชั่นสมัยใหม่ รวมทั้งการทำการตลาดในเชิงลึกที่เน้นตอบโจทย์และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยอาศัยช่องทางการโปรโมทสินค้าทางออนไลน์โดยเน้นเรื่องของการรีวิวผลิตภัณฑ์กับ Influencer ในแต่ละกลุ่มเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไปส่งผลให้ยอดขายมวลรวมทุกผลิตภัณฑ์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 ของเบ็นคิวเติบโตสูงถึง 3% ส่วนยอดขายหลักอย่างโปรเจคเตอร์ และ ผลิตภัณฑ์จอมอนิเตอร์มีสัดส่วนถึง 37% และ 54% ตามลำดับ "
" ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดของเบ็นคิวในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เราวางโซลูชั่นได้ครอบคลุมและตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มเป้าหมายทั้งที่เป็นองค์กรและการศึกษาส่งผลให้การทำตลาดช่วงครึ่งปีหลังสามารถขยายส่วนครองตลาดในกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวได้มากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนเอกชน เนื่องจาก เบ็นคิว มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Interactive Flat Panel (IFP) ตลอดจน Laser Projector และระบบ wireless presentation รวมทั้งจอ smart display และ software เพื่อการศึกษา ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถนำมารวมเข้าด้วยกันเพื่อเป็น smart classroom solution ที่สามารถตอบสนองกับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างตรงจุด อาทิเช่น กลุ่มการศึกษา เราได้นำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีสู่ห้องเรียนอัจฉริยะตอบโจทย์การใช้งานให้ห้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ห้องเรียน, ห้องฟังก์ชั่น, ห้องเรียนมัลติมีเดียหรือหอประชุมของโรงเรียนให้มีความทันสมัยและง่ายต่อการใช้งาน ส่วนลูกค้าองค์กรนั้นจากผลสำรวจในปัจจุบันทำให้เราทราบว่าจำนวนห้องประชุมที่เกิดขึ้นใหม่หรือ Renovate ใหม่ของบริษัทกลุ่มลูกค้าองค์กรต่างๆ นั้นมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และส่วนใหญ่นั้นเป็นห้องประชุมย่อยแบบขนาดเล็ก และห้องประชุมทางไกลแบบมัลติมีเดียขนาดกลางมีอัตราการโตขึ้นเรื่อยๆ และระยะเวลาที่พนักงานกลุ่มลูกค้าองค์กรนั้นใช้เพื่อการประชุมมีจำนวนชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราตอบโจทย์และรองรับด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่ม Laser Projector, Smart Display และ Instashow หรือ wireless presentation ชนิดอื่นๆ ที่เหมาะสำหรับการนำเสนอผลงาน รวมถึงการใช้งานที่ง่าย เหมาะกับสถานที่ต่างๆ ในองค์กร ทั้งห้องประชุมที่ครอบคลุมตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ตลอดจนถึงหอประชุมที่มีขนาดใหญ่ "
นายวัชรพงษ์ กล่าวเสริมถึงความสำเร็จของกลุ่มผลิตภัณฑ์ว่า " ผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ประเภท DLP ของเบ็นคิวยังได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการันตีได้ด้วยยอดขายอันดับ 1 ตลอด 10 ปีจากทั่วโลก และกระนั้นในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 เบ็นคิวโปรเจคเตอร์ก็ยังสามารถคว้าส่วนแบ่งทางการตลาดได้ถึง 9.26% ซึ่งทางเราเน้นการเจริญเติบโตแบบมั่นคงค่อยเป็นค่อยไป เพราะเราก็ยังไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพ อย่างเช่น Laser technology ที่ทยอยเปิดตัวออกมาทุกๆ segment โดยเริ่มจากความสว่างน้อยที่ 3000 al จนถึง 10,000 al และมีกำหนดจะเปิดตัว 15,000 al และ 20,000 al ในช่วงครึ่งปีหลังรวมทั้งยังได้ทยอยเปิดตัวโปรเจคเตอร์ชนิดกันฝุ่นออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าและระยะเวลาในการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น นอกจากนั้นเรายังมีแผนที่จะเปิดตัว Smart Projector ซึ่งมี android ในตัวสำหรับเจาะกลุ่มห้องประชุมขนาดเล็กในงบประมาณค่าตัวที่ต่ำลงในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้อีกด้วย "
" นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์กลุ่มโปรเจคเตอร์ DLP Home Cinema 4K เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา นั้นได้แก่ BenQ รุ่น W2700 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานจนเป็นที่ยอมรับถึงประสิทธิภาพระดับพรีเมี่ยม 4K UHD ความละเอียด 3840 x 2160 หรือแสดงผลที่ 8.3 ล้านพิกเซลต่อเฟรม ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Single DMD DLP ขนาด 0.47" นิ้ว และระบบออพติคอล 4K ที่พัฒนาระบบเลนส์แก้วเกรดดีที่สุดทำให้การแสดงภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการจัดวางโครงสร้างเลนส์ 8 กลุ่มจาก 10 ชิ้น ทำให้แสงผ่านได้ดีคงคุณภาพ เรียกว่าเป็นการมอบมิติใหม่ของการชมภาพยนต์ในบ้านกับระบบ 4K ด้วยเทคโนโลยี HDR-PRO เฉพาะของเบ็นคิว และยังได้ทยอยเปิดตัว W5700 โปรเจคเตอร์รุ่นพี่ที่สามารถสร้างขอบเขตพื้นที่ค่าสีได้สูงถึง DCI-P3 100% ในราคาค่าตัวไม่ถึงเจ็ดหมื่นบาท จึงส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดโปรเจคเตอร์ชนิด 4K-DLP ในไตรมาสที่สองของเบ็นคิวนั้นมีส่วนแบ่งสูงถึง 70% จากเดิมในไตรมาสแรกของปี 2562 อยู่ที่ 41% ซึ่งถือว่าเราคือผู้นำทางด้าน home projector อย่างแท้จริง "
" สำหรับด้านผลิตภัณฑ์ ZOWIE เราได้ทำการขยายตลาดโดยการเน้นในเรื่องของการเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับกลุ่มลูกค้าโดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ใหม่อย่างร้านเกม I-Cafe ในประเทศไทย เพื่อสร้างพื้นที่การทดลองใช้งานจริงโดยกลุ่มลูกค้านั้นสามารถเห็นประสิทธิภาพของผลิตภัณท์จอมอนิเตอร์ ZOWIE และ ZOWIE เกมมิ่งเกียร์ได้จากการทดลองใช้งานจริงทั้งในร้านเกมและสนามแข่ง Esport และปัจจุบันนั้นเราจะเห็นได้ว่าจำนวนร้านเกมในไทยนั้นทยอยปรับเปลี่ยนและมีการปรับตัวจาก Gamming Cafe ในเวอร์ชั่น 1.0 - 4.0 มาเป็น Esport Hub และในอนาคตอันใกล้เราอาจได้เห็นการปรับตัวขึ้นไปเป็น Entertainment Hub ซึ่งในร้านเกมเหล่านี้ ทางเรามีเชิญชวนให้เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับเบ็นคิว หรือแม้แต่ทีมนักกีฬา E-sport เอง เบ็นคิวก็เข้าไปสนับสนุน sponsor เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและสร้าง Ecosystem ที่แข็งแรงให้กับแบรนด์ ZOWIE ด้วยเช่นกัน " นายวัชรพงษ์ กล่าวปิดท้าย