WWF และองค์กรเครือข่ายฯ เผยครบ 1 ปีปล่อยวัวแดงคืนป่ารอด 100%

พุธ ๑๑ กันยายน ๒๐๑๙ ๑๐:๓๑
WWF และองค์กรเครือข่ายฯ เผยความคืบหน้าหลังปล่อยวัวแดงกลับคืนป่า ณ พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เป็นครั้งที่ 3 ชี้อัตราการอยู่รอด 100% ส่งผลให้ปัจจุบันจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 15 ตัว ยกเป็นความสำเร็จของงานอนุรักษ์ร่วมกับชุมชน

11 กันยายน 2562 – เป็นเวลากว่า 1 ปี หลังจากการปล่อยวัวแดงครั้งล่าสุดในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2561 ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ โดย WWF-ประเทศไทยทำงานร่วมกับองค์กรเครือข่ายอาทิ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ นำโดยนายเสรี นาคบุญ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ, หน่วยสัตวแพทย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล, องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์รวมถึงชุมชน ท้องถิ่น อาทิ เครือข่ายผู้พิทักษ์วัวแดงได้ผนึกกำลังอย่างเข้มแข็งเพื่อฟื้นฟูประชากรวัวแดงสู่พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระอีกครั้งหลังจากที่ไม่มีปรากฏวัวแดงอาศัยอยู่ในพื้นที่มานานกว่า 30 ปี

นายโรเบิร์ต สไตน์เมทช์ นักชีววิทยาสายงานอนุรักษ์อาวุโส องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย (WWF-Thailand) เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการปล่อยวัวแดงคืนสู่ป่าว่าโครงการความร่วมมือระหว่างองค์กรเครือข่ายนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 และดำเนินการปล่อยวัวแดงคืนสู่ป่าแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง ได้แก่ ปี พ.ศ. 2557 พ.ศ. 2559 และ พ.ศ. 2561 โดย WWF ประเทศไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 พร้อมส่งมอบชุดปลอกคอเชื่อมต่อสัญญาณดาวเทียมจำนวน 6 ชุด เพื่อติดตามการเดินทางของวัวแดงและเก็บข้อมูลสำหรับงานวิจัยอย่างต่อเนื่องจากการสำรวจพบว่าวัวแดงทั้งหมดที่ปล่อยตั้งแต่ริเริ่มโครงการมีอัตราการอยู่รอด 100% และวัวแดงทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง โดยข้อมูลล่าสุดเผยว่าเจ้าหน้าที่สำรวจพบการให้กำเนิดลูกรวมทั้งหมด 6 ตัว

จากวัวแดงชุดแรกที่ถูกปล่อย "ถือเป็นเป็นหนึ่งในเรื่องที่น่ายินดี เนื่องจากวัวแดงมีสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอด และสามารถหาอาหารเองได้ เราจึงไม่พบปัญหาในการหาอาหารกินเองเมื่อถูกปล่อยสู่ป่างานนี้ถือเป็นความสำเร็จจากการทำงานอย่างหนักของเจ้าหน้าที่ และองค์กรเครือข่ายฯ ทำให้พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระในปัจจุบันมีประชากรวัวแดงราว 15 ตัว จากที่ไม่เคยมีอาศัยอยู่มากกว่า 30 ปี"

นักชีววิทยาสายงานอนุรักษ์อาวุโสจาก WWF ประเทศไทยเล่าเพิ่มเติมว่าจากการติดตามการเดินทางของวัวแดงผ่านปลอกคอเชื่อมต่อสัญญาณดาวเทียมพบว่า น้ำทอง หนึ่งในวัวแดงตัวผู้ที่ถูกปล่อยชุดล่าสุด ใช้พื้นที่เดินสำรวจกว้างที่สุดราว 80 ตารางกิโลเมตร และเดินทางแยกออกจากวัวแดงฝูงอื่น ๆ ไปยังพื้นที่แห่งใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในข้อสังเกตที่น่าสนใจ เพราะการที่น้ำทองใช้พื้นที่เดินสำรวจเป็นบริเวณกว้างแต่ยังปลอดภัย แสดงให้เห็นถึงแนวร่วมของชุมชนที่มุ่งจะฟื้นคืนประชากรวัวแดงด้วยการงดเว้นการล่าสัตว์และปล่อยให้วัวแดงอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ

"เนื่องจากการที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มานานจึงได้รับรู้ว่าเมื่อก่อนในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระมีประชากรวัวแดงอาศัยอยู่ค่อนข้างมาก แต่เนื่องจากวัวแดงมักอาศัยอยู่ในพื้นที่ต่ำจึงถูกล่าได้ง่าย จนกระทั่งมีรายงานครั้งสุดท้ายว่าในประเทศไทยมีวัวแดงเหลือน้อยกว่า 400 ตัว และยังเป็นสัตว์ที่อยู่ในสถานะอันตรายใกล้สูญพันธุ์ เมื่อชาวบ้านเห็นถึงวิกฤตการณ์วัวแดงจึงได้ผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อฟื้นคืนประชากรวัวแดงขึ้นอีกครั้ง โดยในวันปล่อยวัวแดงในแต่ละปีจะมีชาวบ้านนับพันคนมาร่วมกิจกรรม ซึ่งนับเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ของการทำงานอนุรักษ์ที่ทำให้เราได้เห็นความร่วมมือที่เข้มแข็งจากชาวบ้าน"

นักวิชาการจาก WWF ประเทศไทยกล่าวแสดงความกังวลในเรื่องของสภาวะเลือดชิดจากการผสมพันธุ์ของวัวแดงที่มาจากการเลี้ยงก่อนปล่อยคืนสู่ป่า โดยการผสมพันธุ์แบบเลือดชิดอาจทำให้สายพันธุ์อ่อนแอและการเพิ่มประชากรตามเป้าหมายทำได้ยากขึ้น "ความสำเร็จในระยะยาวคืออยากให้มีวัวแดงจากพื้นที่อื่นเข้ามาอยู่ร่วมกับวัวแดงที่เราปล่อยในพื้นที่นี้ เนื่องจากเป็นการเอาเลือดใหม่เข้ามา จะได้ไม่มีปัญหาเลือดชิด" โรเบิร์ต สไตน์เมทช์กล่าว โดยหากประสบความสำเร็จตามแผนโครงการนี้จะเป็นการฟื้นคืนประชากรวัวแดงในธรรมชาติขึ้นอีกครั้ง และเป็นต้นแบบสำคัญของการเพิ่มประชากรวัวแดงในผืนป่าไทยด้วยเช่นกัน

หมายเหตุบรรณาธิการ

บทบาทขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลประเทศไทยในโครงการปล่อยวัวแดงคืนสู่ป่า

WWF-ประเทศไทย ได้ร่วมมือโครงการติดตามสถานะของวัวแดงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ถึงปัจจุบันโดยได้มอบปลอกคอวิทยุสื่อสาร (Radio Collar) จำนวน 6 ชุด เพื่อตรวจสอบสถานะของวัวแดงที่มีการปล่อย โดยปลอกคอนี้จะทำการส่งสัญญาณผ่านระบบวิทยุหรือระบบดาวเทียมในการตรวจหาตำแหน่งพิกัดของวัวแดงแต่ละตัว ซึ่ง WWF ได้ให้ความช่วยเหลือในด้านการวิเคราะห์ ติดตามพฤติกรรมของ

วัวแดงที่ถูกปล่อย และเก็บข้อมูลวิจัยเพื่อการวางแผนฟื้นคืนวัวแดงสู่พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระในอนาคต

องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล

องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF สำนักงานประเทศไทย ในฐานะองค์กรวิทยาศาสตร์ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์มาอย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ และ WWF ถือเป็นหนึ่งในองค์กรขนาดใหญ่ที่สุดระดับโลกที่มุ่งมั่นทำงานด้านการอนุรักษ์ ปัจจุบัน WWF มีผู้สนับสนุนมากกว่า 5 ล้านคนจากทั่วโลกและเครือข่ายขององค์กรทำงานร่วมกันในกว่า 100 ประเทศ พันธกิจของ WWF คือการหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาวะธรรมชาติของโลกในเชิงลบ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของโลกที่มีมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างมีความสมดุลด้วยการอนุรักษ์สภาพชีววิทยาที่หลากหลาย และมุ่งทำงานเพื่อรักษาทรัพยากรด้านพลังงานให้ถูกนำกลับมาใช้งานอย่างสมดุล และยั่งยืนรวมทั้งสนับสนุนการทำงานเพื่อหยุดยั้งมลพิษและการบริโภค ที่เกินพอดีสามารถศึกษาข้อมูลการทำงานของเราเพิ่มเติมได้ที่ www.wwf.or.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ