แม้วันเวลาจะเปลี่ยนไป แต่ท่าทางและน้ำเสียงอันสุขุม ยังเหมือนเดิมไม่ผิด เรามีโอกาสได้คุยกับอดีตผู้ประกาศถึงโปรเจคต์ใหม่
ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นเข้าวงการฯ
เริ่มเหมือนทุกคน แต่ก่อนด้วยเหตุบังเอิญ คนเห็นแวว ไปถ่ายโฆษณา เดินแบบ พอมีหลายชิ้นเข้า ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เห็นหน่วยก้าน ชวนไปประกวด ไทยแลนด์ ท็อป โมเดล บังเอิญผมได้ตำแหน่งรอง (ปีนั้น คุณเจค ศตวรรษ ได้) หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสมาเล่นละคร เรื่องแรกพี่เลี้ยง (พระเอก วรุฒ วรธรรม) แล้วมาเป็นผู้ประกาศ (รุ่นเดียวกับ คุณโย่ง ช่อง 7) คนจำได้เรื่อยๆ ช่วงนั้นมีโอกาสที่จะได้ทำอะไรก็ทำ แต่งานผู้ประกาศจะชัดมากกว่า เพราะหลายคนเล็งเห็นว่าน่าจะทำตรงนี้ได้ เป็นผู้ประกาศ ช่อง 7 ช่อง 9 ช่อง 11 และ ทรูวิชั่น ฯลฯ
หลังจากนั้น พอโตขึ้นมาหน่อย หาโอกาสขยับขยาย ในส่วน หน้าที่การงาน ได้รับโอกาสให้มาทำในส่วนการตลาดให้กับบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่ง แล้วก็ได้รับโอกาสเป็นโฆษกพรรคการเมือง จากนั้น มีหลายคนมาเชิญ เป็นข้าราชการการเมือง เราเห็นว่ามีข้อดี หนึ่งไม่ต้องลงแข่งขันต่อสู้ และมีโอกาสทำงานเพื่อบ้านเมือง โครงการฯ ที่ภูมิใจ ตอนนั้นอยู่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ เราทำโครงการกีฬาคนพิการ ซึ่งเราเห็นเขาอย่างนั้น แต่พวกเขาก็ยังมีความสามารถอีกหลากหลายด้าน เป็นงานที่เหมือนกับให้โอกาสเขาได้มีกำลังใจในชีวิต ให้สังคมหันมามอง สนับสนุน ไม่ทิ้งพวกเขา ผมประทับใจมาก
ก้าวเข้าสู่งานบริหารพื้นที่วัฒนธรรม "เดอะ สเตจ แอท เอเชีย ทีค"
ผมช่วย ผอ.สำนักงานทรัพย์สิน ทำมูลนิธิฯ อยู่หลายปี บังเอิญผู้ใหญ่ซึ่งก็คือ คุณป้อม วิวรรณ ให้โอกาส ช่วยเข้ามาดูแลสถานที่ ทำตรงนี้ ซึ่งบริษัทฯ รับผิดชอบดูแลด้านหน้าโกดัง 4 ทั้งหมดของเอเชียทีค ซึ่งความตั้งใจแต่แรกของเจ้าของสถานที่ อยากทำให้ที่นี่เป็น culture corner แสดงศิลปวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก เราก็มานั่งคิดว่าอะไรที่เป็นศิลปะไทยที่ขายได้ ต่างชาติสนใจในระดับแมซ มาลงที่มวยไทย แต่เราจะเน้นเป็นมวยโชว์ศิลปวัฒนธรรม การไหว้ครู ท่าทางมวยต่างๆ ที่สูญหาย ขนาดจัดเป็นนิทรรศการ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีโชว์หรือกิจกรรมดีๆ ให้กับเด็กๆ ด้วย คือ เวทีมวย ใช้แค่สองทุ่มถึงสามทุ่ม เวลาอื่น ให้เช่าทำกิจกรรมต่างๆ ที่เด่น เพิ่งจบไป คือ กำเนิดสุดสาคร ทศกัณฐ์ กับการตีความสิบนาทีสุดท้าย แล้วก็คอนเสิร์ตต่างๆ ซึ่งที่นี จุดแข็ง นักท่องเที่ยวเยอะ เวทีอุปกรณ์ครบ กระเช้า สลิง ฯลฯ เฉพาะเก้าอี้ เก้าอี้ 636 ตัว เสริมสูงสุด 1000 ตัว
ความท้าทายในงาน
ความท้าทายของการบริหารพื้นที่ คือ ใช้ประโยชน์จากสถานที่ให้ได้มากที่สุด และป้องกันความเสื่อม เราต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ใช่ในแง่ธุรกิจเท่านั้น แง่เยาวชน และคนข้างนอกด้วย อยากให้ ได้เข้ามาใช้ประโยชน์ จึงพยายามทำกิจกรรม หรือสรรหากิจกรรรมเพื่อเด็ก เพื่อเป็นสถานที่ให้เยาวชน ได้เรียนรู้ศิลปะวัฒนธรรม นอกจากเรื่องมวยไทยแล้ว
ปรับตัวกับการบริหาร เบื้องหลังร้อยเปอร์เซ็นต์
ผมเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้เก่งอยู่แล้ว อย่างผมก็ต้องมีการปรับตัวในทุกๆ งาน ทำที่ไหนก็จะอยู่จนครบวาระ หรือไม่ก็ผู้บังคับบัญชาไม่อยู่แล้วนั่นแหล่ะ ที่แตกต่างและต้องปรับจริงๆ ขออนุญาตสรุปว่า หนึ่งการอยู่เบื้องหน้า บางทีงานจบในตัว ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรต่อ แต่พอเป็นงานเบื้องหลัง ความรับผิดชอบต่อพนักงานทุกคน อย่างเช่น เวทีมวยไทยนี่ ต้องมีบาดเจ็บ เพราะการแสดงจริง เจ็บจริง เราต้องวางแผนดูแลเขาอย่างไร สอง การประสานงานร่วมกับบริษัทเอเย่นต์ทัวร์ต่างๆ หน่วยงานที่จะนำเราไปสู่โลกภายนอก กระทรวงต่างๆ องค์กรต่างๆ แต่ละแห่งมีนโยบาย การจัดงาน และความสนิทสนมกับเขามากน้อยแค่ไหน สาม การรับผิดชอบในเรื่องของบัญชี บางทีเราอยู่เบื้องหน้าอย่างเดียว เราเห็น คนพูดถึง คนดูเยอะ แต่ว่าจริงๆ แล้วกำไรหรือเปล่า มันอยู่ได้หรือเปล่า เหมือนแต่ก่อน เขาว่าทำละครน้ำดีหนึ่งเรื่อง ต้องไปเอากำไรจากละครน้ำเน่าหลายเรื่อง ถึงจะทำได้ ดังนั้นถ้าเราจะทำอะไร บันเทิงด้วย เป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วย ต้องวางแผนสปอนเซอร์ ค่าใช้จ่าย รายได้ ให้บาลานซ์
โปรเจคต์ล่าสุด "มวยไทย น็อคเอ๊าท์"
จากกระแส ต้องการมวยชกจริงมากขึ้น คนแถวๆ นี้มักบอกว่าสนามมวยลุมพินีย้ายไกลเกินไป ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชุมชนแถวนี้ บางคอแหลม บางรัก สีลม อยากมีเวทีดูมวยไทยชกจริง เราจึงปรับสัดส่วน ลดโชว์ลงมา เพิ่มความชกจริงมากขึ้น ต่อไปคนน่าจะชอบละ ที่นี่ครบวงจร มวยพ่อมาดู ภรรยาช้อปปิ้ง ลูกขึ้นชิงช้าสวรรค์ เที่ยวบ้านผีสิง ฯลฯ
มวยยังมีทุกวัน ร่วมกับการแสดงศิลปวัฒนธรรม หยุดวันจันทร์วันเดียว เริ่มสองทุ่มจบสามทุ่ม แต่เสาร์นานกว่าปกติ เพราะถ่ายทอดสดด้วย ด้าน มวยไทยน็อคเอ๊าท์ แข่งขันทุกวันที่นี่ ความแตกต่างที่เป็นจุดเด่นที่ผมจะทำเลยก็คือ ตัดยกหนึ่งและยกที่ห้าออกไป เพราะมีเสียงว่า ยกหนึ่ง ดูเชิง ออมมือ ออมกำลัง ค่อยรอใส่ ส่วนยกห้า ถ้ารู้ว่านำ จะกรรเชียงหนีแล้ว ดูไม่สนุก เราจึงตัดยกหนึ่ง ยกห้าออกไป เหลือสามยกเท่านั้น แทนที่จะเป็นห้ายก เพื่อให้นักมวยใส่อย่างเต็มที่ และทุกวันมวยต่างชาติชกกับมวยไทย คือถ้าอยากให้ก้าวสู่โอลิมปิก เราจะให้คนไทยเป็นแชมป์มวยไทยทุกรุ่น คงเป็นไปไม่ได้ หมายความว่าถ้าจะให้กีฬามวยไทยเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ตอนนี้ต้องเริ่มที่จะเปิดให้มีนักมวยอื่นๆ ได้ต่อสู้กันบ้างแล้ว ยิ่งตอนนี้ต่างชาติมาชก เอาชนะนักมวยไทยได้ เขาไม่ได้เป็นไก่รองบ่อนอีกต่อไป ผมมอง เป็นเรื่องดี น่าผลักดัน ตอนนี้ก็จะเห็นสีสันแล้ว พอรู้ข่าว ต่างชาติชกไทย ชาวต่างชาติที่อยู่ในไทย เขารู้ชาติเขามาชก นักท่องเที่ยว สถานทูต เขาก็มาเชียร์นักมวยชาติเขากันใหญ่ มาพร้อมกับธงชาติ กองเชียร์ ฯลฯ นี่เป็นความแตกต่างของเวที
ส่วนโชว์ที่มี จุดแข็ง การไหว้ครู มวยไทยโบราณ เราได้รางวัลเยอะ สามปีซ้อน จาก ททท. TAT People's Choice Awards Thailand "The Best Show of Thailand Awards" ปี 2015, 2016, 2017, TripAdvisor "Certificate of Excellence" ปี 2015, 2016, 2017, และรางวัลระดับโลก PATA Gold Awards ปี 2017สาขา Heritage ฯลฯ ถือได้ว่า เป็นการแสดงที่ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ประจำชาติไทย ซึ่งเปิดแสดงมายาวนานที่สุด เราเปิดตั้งแต่ 2014 จริงๆ 4-5 ปี ก็จะครบวงจรของการแสดง รูปแบบต้องเปลี่ยนไป แต่หลายคนก็บอกว่า ไหว้ครู ท่ามวยโบราณ ควรมีอยู่ ตรงนี้จะไม่ปรับมาก
ไปเน้นตรงปรับเอาชกจริง เจ็บจริง อย่าง การแข่งขัน"มวยไทย น็อคเอ้าท์" เข้ามา การันตีความมันส์ ดุเดือดตรงใจผู้ชมอย่างแน่นอน เราคัดยอดมวยฝีมือดีจากทุกภาคทั่วประเทศ มาดวลกัน โดยนักมวยแต่ละคนจะมาพร้อมกับศักดิ์ศรีของบ้านเกิดตัวเอง และเป็นมวยระดับแนวหน้า ที่ผ่านการฟิตซ้อมมาอย่างดี ดังนั้นจะไม่มีการยอมอ่อนข้อให้กัน สู้กันเต็มที่ จัดเต็มอาวุธมวยไทย หมัด เท้า เข่า ศอก ผู้ชมลุ้นระทึก ทุกวินาที พบกับ "มวยไทย น็อคเอ้าท์" ทุกคืน ณ เวที เดอะสเตจ แอท เอเชียทีค