งานเมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ ครั้งที่ 9เริ่มแล้ว!! เน้นอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพในอนาคตเพื่อรองรับการท้าทายในทศวรรษหน้า

พุธ ๑๑ กันยายน ๒๐๑๙ ๑๖:๐๔
งานเมดิคอลแฟร์ไทยแลนด์ ครั้งที่ 9 เปิดงานในวันนี้ที่ศูนย์แสดงนิทรรศการไบเทค โดยมีนายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในการเน้นย้ำไปที่ความท้าทายและวัตถุประสงค์ด้านการดูแลสุขภาพในระดับภูมิภาคที่ถูกกำหนดไว้โดยรัฐบาลไทยและผู้เชี่ยวชายในอุตสาหกรรมการแพทย์ โดยงานแสดงสินค้าครั้งนี้เป็นแหล่งจัดหาและสร้างเครือข่ายชั้นนำเพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมและการดูแลสุขภาพตามที่มีการพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนตามนโยบายไทยแลนด์4.0 ถือว่าอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในการลงทุนและการพัฒนาต่อไปในอนาคต

นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพของประเทศไทย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การจัดงานเมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ เป็นงานที่ใหญ่ที่สุด โดยมีบริษัทมากกว่า 60 บริษัท โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 จากปี 2560 ซึ่งครอบคลุมทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของอุปกรณ์การแพทย์และเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรค

นายแพทย์ประพนธ์ กล่าวต่อว่า"จากการร่วมมือของบริษัทไทยหลายแห่ง แสดงให้เห็นว่าการแสดงสินค้ามีความสำคัญอย่างมาก เป็นก้าวสำคัญไปเพื่อสู่ตลาดทั้งในประเทศและในภูมิภาค รวมถึงได้แสดงความสามารถของคนไทยด้วย"

ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวต่อว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากในการกลับมาครั้งนี้ เพราะเราจะได้แบ่งปันเป้าหมายและให้ความสำคัญกับคุณค่าร่วมกัน เช่น การจัดงานเมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ โดยสนช. มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมนวัตกรรมในประเทศไทยและช่วยนักพัฒนาธุรกิจด้านนวัตกรรมจำนวนมากให้บรรลุเป้าหมายของตนด้วยบริการ เช่น โครงการบ่มเพาะ การเร่งอัตราการเติบโตสำหรับส่งเสริมศักยภาพด้านนวัตกรรม รวมถึงกองทุนต่างๆ สนช.ยังช่วยให้นักประดิษฐ์ไทยได้รับการยอมรับจากนานชาติ เพื่อสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และการเติบโตของตลาดในประเทศและภูมิภาค

สนช. จะจัดแสดงสินค้าที่กำลังเป็นเทรนด์ที่ร้อนแรงที่สุดด้านวิทยาศาสตร์กาแรพทย์ เช่น การพิมพ์ขาเทียม 3 มิติ, Wearable Technology และ Telemedicine และอีกส่วนหน่วยงานที่เข้าร่วมกับสนช. คือศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) นำเสนอภาคส่วนด้านชีววิทยาศาสตร์ที่กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งและกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตอุปกรณ์การแทพย์และสุขภาพ (MEDIC) โดยจะรวมถึงผู้ผลิตน้ำยางรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งได้แก่บริษัท ศรีตรัง โกลฟส์ดร.พันธุ์อาจ กล่าวสรุป

คุณกนกพร ดำรงกุล ผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB)กล่าวว่า TCEB ได้ให้การสนับสนุนงานครั้งนี้ ในการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ธุรกิจ MICE เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทย ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ MICE เข้ามาในประเทศถึง1.25 ล้านคน ในปี พ.ศ.2561 ก่อให้เกิดเงินเข้าประเทศ9.5 หมื่นล้านบาท โดยการแสดงสินค้าในครั้งนี้ มีจำนวน 1,000ราย จาก 60 ประเทศ และแสดงผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000รายการ ซึ่งครอบคลุมไปถึงนวัตกรรมทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพที่เปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนาด้านการแพทย์ อุปกรร์วินิจฉัยโรค ระบบารเฝ้าระวังผู้ป่วย วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ และโซลูชั่นสำหรับการดูแลสุขภาพแบบดิจิตอลในราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้งานแสดงสินค้าจะนำเสนอพาวิเลียนระดับนานาชาติและกลุ่มประเทศ21 ประเทศ รวมถึงประเทศ บราซิล เดนมาร์ก ฮ่องกง อินโดนีเซียและอิสราเอล ที่พึ่งเข้าร่วม

มร.แกรน๊อต ริงลิ่งกรรมการผู้จัดการบริษัทเมสเซ่ดุสเซลดอร์ฟเอเชียจำกัด (Messe Duesseldorf Asia) กล่าวว่า ภาคธุรกิจการแพทย์และการดูแลสุขภาพของไทยมีขนาดเติบโตขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านความซับซ้อนที่มากขึ้นและมีขนาดใหญ่ ในระยะเวลาสองทศวรรษ Messe Duesseldorf Asia เติบโตเป็นอย่างมากและมีความภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนเล็กๆ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมทางกาแรพทย์และการดูแลสุขภาพในประเทศไทย โดยการจัดงานครั้งแรกมีผู้ร่วมแสดงสินค้าเพียง 177 รายเท่านั้น และปัจจุบันได้เพิ่มมากถึงจำนวน 1,000 ราย ทำให้ให้การจัดนิทรรศการครั้งนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยจัดมา

มร.แกรน๊อต กล่าวต่อว่า ในระยะเวลาสามวันนับจากนี้ เราหวังว่าจะได้รับการต้อนรับผู้เข้าชมงานจำนวน 12,000คน จากหลายภาคส่วนในธุรกิจการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ซึ่งร้อยละ 40 จากต่างชาติ และสิ่งพิสูจน์ว่าเรามีความสนใจและมีภาพลักษณ์ดึงดูดต่อนานาชาติในการจัดนิทรรศการแสดงสินค้า งานแสดงสินค้าครั้งจะร่วมต้อนรับตัวแทนจากต่างประเทศ ประกอบด้วยตัวแทนจากประเทศอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น พม่า ไต้หวันและเวียดนาม อีกทั้งหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป้นตัวแทนจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน องค์กรและหน่วยงานด้านการดูแลสุขภาพต่างๆ อีกด้วย

ความสำเร็จของงานเมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ ไม่ได้สร้างจากการแสดงสินค้าเท่านั้นแต่ยังเกิดจากการเป็นแพลตฟอร์ม ที่เป็นตัวเลือกด้านการจัดซื้อและความรู้ด้านต่างๆ โดยร่วมมือภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในปีนี้มีการกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ 4thAdvanced Rehab Technology Conference (ARTeC), WT I Wearable Technologies Conference 2019 ASIA, Hospital CIO Forum, Nursing and Health Literacy for NCD Management, Healthcare Innovation for Ageing Society Conference และอื่นๆ มร.แกรน๊อต กล่าวสรุป

ความท้าทายของอุตสาหกรรมเมดิคอลแฟร์ไทยแลนด์ 2019

พาวิเลียนการดูแลสุขภาพในระดับชุมชน การจัดการกับปัญหาท้าทายการแพทย์ที่เร่งด่วนที่สุดของประเทศไทย ในการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของประชากรสูงอายุ และการเพิ่มขึ้นของกลุ่มโรคเรื้อรังไม่ติดต่อ (NCDs) ในการจัดงานครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในการนำเสนอพาวิเลี่ยนการดูแลสุขภาพระดับชุมชนจากแนวคิด ในการรวบรวมผู้มีส่วนได้เสียจากภาคการดูแลสุภาพภาคส่วนต่างๆ ซึ่งผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าจะนำเสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการวินิจฉัยโรค ปัญหาประดิษฐ์ Telemedicine และอุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งต้องเตรียมรับมือกับความต้องการของระบบการดูแลสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะประชากรผู้สูงอายุและอัตราของโรคNCDs ที่สูงขึ้น

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน สัดส่วนของประชากรไทยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เป็นอันดับหนึ่งซึ่งสูงสุดในภูมิภาค นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าภายในปี2597 สัดส่วนของประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี จะมีจำนวนสูงกว่าภูมิภาคอื่นอย่างยุโรปและสหรัฐอเมริกา สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยคาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการของการดูแลสุขภาพในประเทศ อีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า และกระทรวงสาธารณสุขประมาณการณ์ว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นถึง2.28 แสนล้านบาท หรือร้อย 2.8 ของจีดีพี

สตาร์ทอัพพาร์คในงานเมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์

การเตรียมตัวรองรับระบบนิเวศผู้ประกอบการที่จะเกิดขึ้น เพื่อส่งเสริมวิทยาศาสตร์ชีวภาพและนวักตรรมทางการแพทย์และสุขภาพในประเทศไทย และในภูมิภาคซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นสำหรับธุรกิจสตาร์อัพด้านนวัตกรรม การดูแลสุขภาพผู้สูงวัย และธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการแพทย์ ภายในงานมีบริษัทสตาร์ทอัพด้านการแพทย์เข้าร่วมทั้งหมด 11 บริษัท จากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวันและประเทศไทย ที่จะเข้าร่วมแสดงสินค้าครั้งนี้เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้ได้พบกับนักลงทุนที่มีศักยภาพ ผู้มีอิทธิพลในแวดวงอุตสาหกรรมและผู้ซื้อบริษัทเหล่านี้จะร่วมแสดงสินค้านวัตกรรมและโซลูชั่นต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีโซลูชั่นการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสำหรับการปลูกถ่ายกระดูก การใช้ระบบซอฟท์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อลดเวลาการวินิจฉัยโรคและปรับปรุงระยะเวลาที่ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับการนอนหลับ การใช้เทคโนโลยี one-stop e-platform เพื่อค้นหาและนัดหมายบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ