นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า จากข้อมูลสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่าในช่วงระหว่างปี 2551-2559 มีจำนวนนักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) จำนวน 380,537 คน โดยเฉพาะในปี 2561 มีนักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อถึงจำนวน 147,644 คน ในแต่ละปีนักเรียนเหล่านี้ได้เข้าสู่ตลาดแรงงานในฐานะแรงงานไร้ฝีมือเป็นจำนวนมาก เพื่อมุ่งแก้ปัญหาดังกล่าว กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) จึงได้ร่วมกับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนิน "โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนครอบครัวยากจนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ" เพิ่มทักษะด้านอาชีพเปลี่ยนจากแรงงานไร้ฝีมือเป็นแรงงานฝีมือ เพิ่มโอกาสในการมีงานทำ สร้างรายได้ในการเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในบางสาขาอาชีพ สอดคล้องกับนโยบาย Workforce transformation ของม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งปฏิรูปกำลังแรงงานให้มีฝีมือ รองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี นวัตกรรมในอนาคต
นายสุรพล พลอยสุข รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในฐานะตัวแทนของกพร. ในการลงนามความร่วมมือ กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้กพร. รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ลงนามกับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมการจัดหางาน โดยทุกหน่วยงานจะทำหน้าที่ร่วมกันในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเยาวชนเหล่านี้ ให้มีทักษะและมีวิชาชีพติดตัวในการประกอบอาชีพต่อไป ในส่วนกพร. ได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ ดำเนินการฝึกอบรมหลักสูตรเตรียมเข้าทำงาน ในสาขาอาชีพช่างซ่อมรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ช่างกลึง ช่างประกอบโครงอะลูมิเนียม ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี เป็นต้น เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน สาขาอาชีพเหล่านี้ยังเป็นที่ต้องการของนายจ้างและสถานประกอบกิจการเป็นอย่างมาก ซึ่งการรับสมัครฝึกอบรมจะสอดคล้องกับช่วงเวลาจบการศึกษาของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย
"ความร่วมมือในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ดีที่ทางกพร. ได้เข้ามามีส่วนร่วมตามแนวทางประชารัฐเพื่อพัฒนาเยาวชนของชาติ ให้เป็นแรงงานคุณภาพ (Super Worker) ที่จะขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนต่อไป" อธิบดีกพร. กล่าว.