มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ของมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรีไทย โดยพบประมาณ 3 คน /แสนราย/ปี ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น อเมริกา หรือยุโรป พบบ่อยเป็นอันดับ 1 ประเทศไทยในฐานะประเทศกำลังพัฒนา ที่เริ่มมีอาหารลักษณะความเป็นอยู่คล้ายคลึงประเทศแถบตะวันตกมากขึ้นทุกทีจึงพบการเกิดมะเร็งชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนแต่ในปัจจุบันเริ่มพบในผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 40 ปี มากขึ้น
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเกิดได้จากหลายสาเหตุ พบว่าการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจนเป็นปัจจัยที่พบได้บ่อย ดังนั้นภาวะใดก็ตามที่ทำให้มีฮอร์โมนเหล่านี้มากผิดปกติก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้ด้วย ได้แก่
- คนไข้วัยทอง ที่ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมเพียงอย่างเดียวสามารถกระตุ้นโรคนี้ได้
- สมุนไพร ยาสมุนไพรบางชนิดมีเอสโตรเจนปริมาณสูง เช่น กวาวเครือ และอีกหลายชนิดมีเอสโตรเจนแฝงอยู่โดยไม่รู้ การรับประทานสมุนไพรบางตัวจึงอาจทำเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้
- ความอ้วน คนที่มีน้ำหนักตัวมากจะมีการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนได้มากกว่าคนที่น้ำหนักตัวปกติ ดังนั้นยิ่งอ้วนมากยิ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้มากขึ้น
- ยารักษามะเร็งเต้านม ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังผ่าตัดมีความจำเป็นที่แพทย์จะให้รับประทานยาป้องกันการกลับเป็นซ้ำ (ทามอกซิเฟน) ซึ่งยานี้จะกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติได้ จึงสมควรได้รับการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยควรจดความถี่ของประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ ถ้าผิดปกติควรมาตรวจกับสูตินรีแพทย์
- ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หน้ามัน มีสิว หรือมีขนดกมากขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก ได้แก่ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ผู้หญิงที่ไม่มีลูกมีประวัติพันธุกรรมญาติสายตรงเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะการมีปัจจัยเสี่ยงไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นมะเร็งแต่จะได้เฝ้าระวังดูแลและรีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการ
อาการแสดงของโรค โรคนี้มักเริ่มแสดงอาการแต่เนิ่นๆ นั่นคือมีเลือดออกทางช่องคลอด เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้มักเกิดหลังอายุ 50 ปี ดังนั้น ผู้หญิงทุกคนที่มีเลือดออกหลังหมดประจำเดือนไปแล้วควรรีบมาพบแพทย์ หากผู้ที่ยังไม่ถึงวัยทอง แต่ถ้ามีอาการเลือดออกผิดปกติที่ไม่ใช่รอบเดือน เช่น ออกกระปริดกระปรอย หรือออกมามากและนานกว่าปกติ คือเกิน 7 วันต่อรอบ ก็ควรมาพบแพทย์เช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงข้างต้น ยิ่งพบแต่ระยะแรกโอกาสหายยิ่งสูง หากมีอาการผิดปกติไม่ควรนิ่งนอนใจ
การวินิจฉัยที่แน่นอนได้จากการนำชิ้นเนื้อในโพรงมดลูกไปตรวจทางพยาธิวิทยา วิธีการตรวจมีได้หลายอย่างไม่ต้องดมยาสลบ การดูดเซลล์ โดยสอดหลอดเล็กๆเข้าไปในปากมดลูกเข้าไปเก็บเนื้อในโพรงมดลูก หรือต้องขูดมดลูก หรืออีกวิธีคือการส่องกล้องเข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อเก็บชิ้นเนื้อ ซึ่งขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณาในการเลือกวิธี ซึ่งเมื่อเราได้ชิ้นเนื้อนั้นมาแล้วหากมีเซลล์มะเร็งอยู่จะมีวิธีการรักษาต่อไป
การรักษา การผ่าตัดเป็นวิธีหลักของการรักษาโรคนี้ที่เป็นทั้งการรักษาและกำหนด ระยะของโรคสามารถทำได้โดยการผ่าตัดทั้งการผ่าตัดทางหน้าท้อง และการผ่าตัดผ่านกล้องหลังจากผ่าตัดแล้วแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาต่อว่าผ็ป่วยควรได้รับการรักษาเพิ่มเติม เช่นการให้รังสีรักษา และการให้ยาเคมีบำบัด หรือไม่
วิธีป้องกันตัวเอง เนื่องจากโรคนี้ไม่มีวิธีคัดกรองคนไข้จะต้องสังเกตตัวเอง ถ้ามีเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติก็ควรจะต้องมาพบแพทย์โดยเร็ว การลดความอ้วน ออกกำลังกาย และไม่ใช้ยาสมุนไพรโดยไม่จำเป็นก็จะช่วยให้ลดการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ นอกจากนี้ปัจจัยที่พบว่าสามารถป้องกันโรคนี้ได้คือการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด หรือฉีดยาคุมกำเนิด
สิ่งที่คุณหมออยากฝากกับผู้หญิงในปัจจุบัน...ปัญหาหลักของผู้หญิงใน ปัจจุบันคือไม่ยอมมาตรวจภายในเพราะว่าอายมีเลือดออกทางช่องคลอดก็ไม่มาตรวจเพราะว่าไม่คิดว่ามีความสำคัญทำให้เสียโอกาสในการรักษาถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งมีโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้
ในปัจจุบัน กลุ่มงานสูตินารีเวชศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี พยายามหาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาใช้ในการผ่าตัดมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดผ่านกล้องในผู้ป่วยที่เหมาะสมจะทำให้เกิดแผลเล็ก คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วและไม่ต้องค้างรพ.หลายวัน
พบว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ามารักษาเฉพาะมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกของ รพ.ราชวิถี ปี 2015 – 2018 พบว่า โดยในปี 2561 ที่ผ่านมามีคนไข้มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกที่อยู่ในการดูแลถึง 570 คน
และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจากสถิติในปี 2561 ที่ผ่านมารพ.ราชวิถี รักษาผู้ป่วยมะเร็งมากถึง 15,670 คน เป็นผู้ป่วยมะเร็งที่ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศปีละ 10,250 คน แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ บุคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งที่จำเป็นต้องรักษาอาจต้องรอคิวการรักษายาวนานซึ่ง การรอเพื่อรับการรักษาในผู้ป่วยโรคมะเร็งเหล่านี้ เป็นปัญหาสำคัญหากผู้ป่วยได้รับการรักษาเร็วโอกาสที่จะหายและสามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติจะมีมากขึ้น
ดังนั้น จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านมาร่วมต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยที่รอโอกาสทางการรักษาโรคมะเร็งใน "กองทุนพิชิตมะเร็ง มูลนิธิรพ.ราชวิถี" โดยสามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชี "มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี" หมายเลขบัญชี 0512163221 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโรงพยาบาลราชวิถี หรือ สอบถามโทร 02-3547997-9หรือ www.rajavithifondation.com