เนื่องจากบริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (GSC) นำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน (IPO) และเงินทุนหมุนเวียนกิจการไปให้บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ACAP) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (สัดส่วนร้อยละ 64) กู้ยืมระยะสั้นในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ได้แก่ 1. การกู้ยืมเงินผ่านการเบิกเงินทดรองจ่ายรวม 80 ล้านบาท ซึ่งได้รับชำระคืนเงินต้นแล้วและเรียกเก็บดอกเบี้ยย้อนหลัง และ 2. ลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น (ตั๋ว P/N) ของ ACAP อายุ 60 วันหรือเมื่อทวงถาม และไม่มีหลักประกันเงินกู้ รวม 5 ฉบับ เหลือเงินต้นค้างชำระ 2 ฉบับ รวม 130 ล้านบาทและดอกเบี้ย
นอกจากนี้ การให้กู้ยืมดังกล่าวถือเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจาก GSC และ ACAP มีกรรมการร่วมกัน แต่ GSC ไม่ได้ขออนุมัติการเข้าทำรายการให้ถูกต้องตามประกาศว่าด้วยการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อขออนุมัติการให้สัตยาบันดังกล่าว ในวันที่ 25 กันยายน 2562
ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติการให้สัตยาบันในรายการที่เกี่ยวโยงกันดังกล่าว เนื่องจากมีความไม่สมเหตุสมผล และมีความไม่เหมาะสม เช่น การเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2 ต่อปี เป็นอัตราผลตอบแทนต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า และต่ำกว่าที่ ACAP กู้ยืมจากบุคคลอื่นที่ร้อยละ 4.40 – 8.00 ต่อปี ระยะเวลากู้ยืมไม่ชัดเจน มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ และการใช้เงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์การเพิ่มทุน IPO รวมทั้งไม่เป็นไปตามนโยบายการบริหารสภาพคล่อง
หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติไม่ให้สัตยาบัน GSC จะต้องยกเลิกรายการและติดตามให้ ACAP ชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยที่เหลือทั้งหมดในทันที
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบ GSC เห็นว่า ผลตอบแทนจากการให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ดีกว่าการบริหารสภาพคล่องเดิมของบริษัท และสาเหตุที่ไม่ทำรายการให้ถูกต้องตามประกาศรายการที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงการบริหารสภาพคล่องเท่านั้น พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้ ACAP ชำระตั๋ว P/N คงค้างชำระทั้งหมด 130 ล้านบาท ภายในวันที่ 23 กันยายน 2562
ทั้งนี้ รายการดังกล่าวเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน จึงต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ถือหุ้นศึกษาข้อมูลโดยละเอียดและใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการรักษาประโยชน์ของตนเอง พร้อมทั้งซักถามผู้บริหาร GSC ถึงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนในการประกอบการตัดสินใจ