เมื่อกล่าวถึงนิทานคลาสสิก เราคงจะคุ้นเคยกับเรื่องราวของเจ้าชายรูปงาม ที่ต้องคำสาปให้กลายเป็นอสูรที่มีหน้าตาดุร้ายและน่ากลัวอาศัยอยู่ในปราสาทอันยิ่งใหญ่แต่กลับต้องเผชิญกับความอ้างว้างและเดียวดาย การจะกลับคืนสู่ร่างเดิมได้นั้นเขาจะต้องค้นพบความรักที่แท้จริงก่อนที่กุหลาบกลีบสุดท้ายจะร่วงโรยจนวันหนึ่งมีพ่อค้าผู้สิ้นเนื้อประดาตัวได้พลัดหลงเข้าไปในบริเวณปราสาท และถูกอสูรจับตัวไว้เนื่องจากไปขโมยดอกกุหลาบเพื่อจะนำกลับไปให้บุตรสาวอันเป็นที่รัก จึงเป็นเหตุให้พ่อค้าต้องยอมแลกตัวบุตรสาวกับอิสระภาพของตัวเขาเอง หลังจากนั้นเจ้าชายอสูรได้ตกหลุมรักบุตรสาวของพ่อค้าหรือก็คือโฉมงาม และต้องพยายามที่จะเอาชนะใจเธอเพื่อให้เธอรับรักตอบไม่เช่นนั้นเขาจะต้องกลายเป็นอสูรไปตลอดกาล
ทีมเชฟของโรงแรม 137 พิลลาร์ สวีท แอนด์ เรสซิเดนท์ กรุงเทพฯ ได้จับมือกับเชฟยานนิส แยนส์เซนส์ เชฟผู้ได้รับรางวัลการันตีฝีมือมากมาย เพื่อมาร่วมรังสรรค์ชุดน้ำชายามบ่ายแสนอร่อยในครั้งนี้หลากหลายเมนูอาหารคาวและขนมหวานได้ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างปราณีตและพิถีพิถัน และจะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับชาออร์แกนิกคุณภาพเยี่ยมจากมอนซูนที
ยานนิส แยนส์เซนส์ เชฟสัญชาติเบลเยี่ยมผู้ออกแบบและอยู่เบื้องหลังชุดน้ำชายามบ่ายเซตนี้ เขาได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Dessert Professional Magazine ให้เป็นหนึ่งในสิบเชฟขนมอบในประเทศสหรัฐอเมริกาในปีพ.ศ. 2553 และเขายังได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเชฟขนมอบ ณ โรงแรมเซไต (Setai Hotels) ในประเทศสหรัฐอเมริกา และโรงแรม ฟาวเท่นเบลอ (Fountainbleau Hotel Miami) ในเมืองไมอามี่ รวมไปถึงซูม่ากรุ๊ป (Zuma Group) ที่ดำเนินกิจการห้องอาหารญี่ปุ่นแบบไฟน์ไดนิ่ง หลังจากนั้นเขาได้เดินทางมาทำงานในตำแหน่งเอ็กเซคคิวทีฟเชฟ ปาทิซิเย่ ของห้องอาหารลัตเตอลิเยร์ เดอ โจเอล โรบูชง สาขากรุงเทพฯ
"เราต้องการให้ชุดน้ำชาเชตนี้มีความพิเศษมากไปกว่าการเป็นแค่แซนด์วิช และขนมทานเล่นธรรมดาทั่วไป แต่เราตั้งใจรังสรรค์ให้ทุกคำมีเรื่องราวที่แขกจะสามารถร่วมจินตนาการตามไปกับเรา
เราคัดสรรและเลือกใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม รวมไปถึงใส่ใจในทุกขั้นตอนการทำ" กล่าวโดยเชฟยานนิส แยนส์เซนส์ ผู้ได้รับเกียรติให้เป็น Baking & Pastry Innovator ในงานประกาศรางวัล Zest Awards Miami ในปี พ.ศ. 2556
ชุดน้ำชายามบ่ายเซตนี้ เชฟยานนิสได้นำเรื่องราวของความรักที่ไร้ข้อจำกัด รวมถึงได้นำคาแรกเตอร์ของตัวละครต่างๆ มาจินตนาการและนำเสนอออกมาในรูปแบบของเชฟเองผ่านทางชุดน้ำชายามบ่ายสุดคลาสสิกเซตนี้ที่ประกอบไปด้วยเมนูของคาวและขนมหวานหน้าตาน่ารับประทานนานาชนิด
เริ่มต้นการเดินทางเข้าสู่ปราสาทของเจ้าชายอสูรด้วย "The Black Forest" หรือป่าดำ ที่มีส่วนประกอบของดาร์กช็อกโกแลตวาลห์โลนา ไทโนริ (Valrhona Tainori) จากสาธารณรัฐโดมินิกัน ความเข้มข้นระดับ 64% เชอร์รี่ วานิลลา และบรั่นดีเชอร์รี่ (Kirsch) เพื่อนำทุกท่านเดินทางผ่านป่าดำอันน่าสะพรึงกลัวที่รายล้อมอยู่โดยรอบตัวปราสาทของเจ้าชายอสูร หลังจากนั้นเราจะนำท่านเดินทางต่อเพื่อเข้าสู่ตัวปราสาทและอิ่มเอมไปกับเมนูอาหารคาวหลากหลายชนิด ประหนึ่งกำลังนั่งรับประทานมื้อค่ำบนโต๊ะอาหารไปพร้อมกับโฉมงามและเจ้าชายอสูร เริ่มต้นด้วยแพนเค้ก (Blini) เนื้อนุ่มเสิร์ฟพร้อมแซลมอนรมควัน ครีมเฟรช และ คาเวียร์ ขนมปังหน้าแฮมปาตาเนกร้า (Pata Negra) หรือแฮมอันเลื่องชื่อจากประเทศสเปนเสิร์ฟมาพร้อมมะเขือเทศกงฟี ไส้กรอกโชริโซ่ และมายองเนสกระเทียม ครัวซองต์หอยทาก (Escargot) ผ่าครึ่งโรยหน้าด้วยผักร็อกเก็ตและเห็ดทรัฟเฟิ้ล ปิดท้ายเมนูของคาวด้วยขนมปังบริโอชสอดไส้ล็อบสเตอร์และเพิ่มความหอมด้วยใบทาร์รากอน และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชุดน้ำชายามบ่ายก็คือสโคน เชฟยานนิสได้รังสรรค์สโคนแฮมชีสสูตรพิเศษเคียงคู่มากับบัตเตอร์มิลค์สโคนรสชาติดั้งเดิม เสิร์ฟมาพร้อม คลอตเตทครีม แยมแอปริคอตเสาวรสโฮมเมด และเนยถั่วนูเทลล่า
ส่งท้ายความอร่อยของชุดน้ำชายามบ่ายด้วยเมนูขนมหวานที่เชฟได้นำคาแรกเตอร์ของตัวละครจากในนิทานมาจินตนาการ และรังสรรค์ออกมาเป็นขนมหวานหน้าตาน่ารับประทานและยังมีรสชาติแสนอร่อย อาทิ ทาร์ตคาราเมลแมคคาเดเมียที่เป็นตัวแทนของ ค็อกสเวิร์ธ หัวหน้าพ่อบ้านที่ถูกสาปให้กลายเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะตามมาด้วยทาร์ตวานิลลาและเสาวรสคาราเมล ที่มาพร้อมกับมะม่วงสุกหอมหวาน
ที่ถูกนำมาม้วนเป็นรูปทรงดอกกุหลาบอย่างปราณีตสวยงามและวางไว้อยู่ด้านบนตัวทาร์ต เพื่อเป็นตัวแทนของโฉมงามทาร์ตเลมอนเมอร์แรงแต่งด้านบนด้วยทองคำเปลว เป็นตัวแทนของลูมิแอร์คนรับใช้ของเจ้าชายอสูรที่ถูกสาปให้กลายเป็นเชิงเทียน และมาการองวานิลลาสีขาวสวยงามเป็นตัวแทนของพลูเมตท์ คนรับใช้ประจำปราสาทที่ถูกสาปให้กลายเป็นไม้ปัดฝุ่นขนนก และแล้วเราก็ได้เดินทางมาถึงจุดสำคัญของเรื่องนั่นก็คือฉากที่กุหลาบกลีบสุดท้ายกำลังจะร่วงโรยในขณะที่เจ้าชายอสูรกำลังจะหมดหวังที่จะล้างคำสาป โฉมงามก็ได้บอกรักเขาได้ทันท่วงทีจึงทำให้คำสาปได้คลายลง
อสูรจึงได้กลับมาเป็นเจ้าชายรูปงามอีกครั้งรวมไปถึงบริวารทุกคนเชฟจึงได้นำเสนอฉากสุดท้ายนี้ผ่านโรเช่อร์ช็อกโกแลตกลิ่นกุหลาบ ที่ทุกท่านจะได้สัมผัสถึงกลิ่นและรสชาติอันหอมหวานของกุหลาบ และไส้ด้านในที่ทำมาจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ถึง 4 ชนิด คือบลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ และแบล็กเบอร์รี่
ชุดน้ำชายามบ่ายเซตนี้จะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับชาที่มีให้เลือกหลากหลายชนิดโดยทางโรงแรมฯเลือกใช้ชาออร์แกนิกคุณภาพเยี่ยมจากมอนซูนที ซึ่งเป็นชาที่ได้รับการปลูกและเติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติแขกสามารถเลือกดื่มได้จากชารสชาติคลาสสิก อาทิ ชาจังเกิ้ลอู่หลง ชาดำลาหู่ และชาดำสยามเบล็น ชาอะโรมาติกผสม อาทิ ชาลิ้นจี่อู่หลง ชาเขียวมะพร้าว ชาดำมะม่วง ชาสมุนไพรปราศจากคาเฟอีนที่มีให้เลือกสองชนิดระหว่างชาสมุนไพรที่ช่วยในเรื่องระบบการย่อยอาหาร และชาสมุนไพรที่ช่วยในเรื่องการผ่อนคลาย และพิเศษสุดคือชาเขียว ลำไย มะรุม และชาอู่หลง มังคุด อัญชัน ซึ่งเป็นชาที่ทางมอนซูนได้คิดค้นสูตรและผลิตให้กับทางโรงแรม 137 พิลลาร์ สวีท แอนด์ เรสซิเดนท์ กรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
ชุดน้ำชายามบ่ายเซตใหม่นี้จะเริ่มเปิดให้บริการในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคมไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ โดยจะเปิดให้บริการวันละ 2 รอบ รอบแรกเปิดให้บริการเวลา 13.00-15.00 น. และรอบที่สองในเวลา 15.30-17.30 น. ราคาท่านละ 1,200 บาท++ ต่อท่าน หรือราคา 2,150 บาท++ ต่อท่านรวมแชมเปญโมเอ็ท แอนด์ ชองดอง โรเซ่ อิมพีเรียลขวดเล็ก 1 ขวด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้าโทร 02-079-7000 หรืออีเมล์ [email protected]