นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากลงพื้นที่พบปะเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด จังหวัดมุกดาหาร ว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ได้มอบหมายให้ตนนำคณะผู้แทนกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีการทำงานร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเตรียมสมาชิกสหกรณ์ และเกษตรกรของไทยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ขยายตลาดสินค้าศักยภาพของสหกรณ์ออกสู่ต่างประเทศ ซึ่งพบว่า สินค้าโคเนื้อของสหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด เป็นสินค้าที่มีศักยภาพและมีการส่งออกไปต่างประเทศบ้างแล้ว แต่เป็นประเทศเพื่อนบ้านในบริเวณใกล้เคียง อาทิ ลาวและเวียดนาม ซึ่งประเทศเหล่านี้ยังมีการเก็บภาษีนำเข้าเนื้อโคแปรรูปจากไทยอยู่ ซึ่งตนมองว่ายังมีช่องทางที่จะขยายการส่งออกได้เพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะในประเทศที่ไทยทำเอฟทีเอด้วย เช่น ประเทศในกลุ่มอาเซียนยกเว้นลาวและเวียดนาม ที่ไม่เก็บภาษีสินค้าโคเนื้อและผลิตภัณฑ์จากไทย ดังนั้น จึงต้องการให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอให้มากขึ้น และได้มอบหมายกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ช่วยเร่งให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ต่อไป
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด จังหวัดมุกดาหาร เป็นศูนย์กลางการรวบรวมโคเนื้อเพื่อชำแหละแปรรูปเนื้อโคคุณภาพ ส่งจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วประเทศ โดยปัจจุบันสหกรณ์มีสมาชิก 6,560 ราย มีสมาชิกที่เลี้ยงโคเนื้อ 3,181 ราย สหกรณ์ได้มีการเชื่อมโยงธุรกิจกับสหกรณ์ที่เป็นเครือข่ายผู้เลี้ยงโคขุนอีก 25 แห่งใน 15 จังหวัด ซึ่งสหกรณ์ฯ ได้ขยายธุรกิจการส่งเสริมการเลี้ยงโคขุนและมีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์โคขุนที่ได้มาตรฐานสากล ประกอบกับมีสมาชิกผู้เลี้ยงโคเนื้อที่ส่งให้สหกรณ์เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีโคที่ขึ้นทะเบียนกว่า 4,200 ตัว ทำให้สหกรณ์สามารถวางแผนการผลิตได้ทั้งปี มีปริมาณการผลิตซากโค ได้เดือนละกว่า 270 ตัว ตัวละ 80,000 บาท ทำให้สหกรณ์สามารถส่งเนื้อโคขุนจำหน่ายให้กับตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่าปีละ 3,000 ตัว โดยได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน ปี 2565 สหกรณ์จะขยายธุรกิจ เพิ่มปริมาณการแปรรูปโคขุนเป็น 5,000 ตัวต่อปี พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงโคขุน พันธุ์ชาโลเล่ลูกผสม พันธุ์แองกัสและวากิล ลูกผสม ซึ่งจากการประเมินรายได้เกษตรกรที่เลี้ยงโคขุน 10 ตัว จะมีรายได้ประมาณ 8 แสนบาทต่อปี
ทั้งนี้ สถิติการส่งออกโคเนื้อและผลิตภัณฑ์ของไทยปี 2561 ส่งออกโคเนื้อจำนวน 262,730 ตัว คิดเป็นมูลค่า 3,985.77 ล้านบาท เนื้อโคและผลิตภัณฑ์ ปริมาณ 104.01 ตัน คิดเป็นมูลค่า 50.89 ล้านบาท ราคาส่งออกโคมีชีวิตอยู่ที่ 15,170.59 บาทต่อตัว เนื้อโคและผลิตภัณฑ์ 489.28 บาท ต่อกิโลกรัม โดยตลาดส่งออก สำคัญของโคมีชีวิต ได้แก่ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ส่วนเนื้อโคและผลิตภัณฑ์ มีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และกัมพูชา เนื่องจากเป็นตลาดที่ไทยได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีภายใต้เอฟทีเอ
นายประวิทย์ นามเหลา ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันสหกรณ์ฯรับซื้อโคขุนจากสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 60 ตัวต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 240 ตัวต่อเดือน หลังมีอาคารโรงงานใหม่จะเพิ่มการแปรรูปโคขึ้นอีกเท่าตัวคือ 480 ตัวต่อเดือน โดยจะรับซื้อโคจากสมาชิกในราคา 200-290 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ราคารับซื้อจะแยกไปตามเกรดของเนื้อโคมีตั้งแต่เกรด 2 ไปจนถึงเกรด 5 ซึ่งเป็นเนื้อระดับพรีเมียมราคารับซื้ออยู่ที่ 290 บาทต่อกิโลกรัม ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ 70% จำหน่ายในกรุงเทพฯ อีก 30% ขายในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง และยังได้ขยายธุรกิจการส่งเสริมการเลี้ยงโคขุนและมีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์โคขุนที่ได้มาตรฐานสากล ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงโคขุน พันธุ์ชาโลเล่ลูกผสม พันธุ์แองกัสและวากิว ลูกผสม รวมถึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงโคสีดำอีกด้วย และมองว่าหากมีการเปิดการค้าเสรี เอฟทีเอ ด้านโคเนื้อ จะช่วยทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อหนองสูงมีการพัฒนาระบบการผลิตให้มีมาตรฐานสู่การส่งออกได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น อีกทั้งช่วยสร้างคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อได้มากขึ้นตามไปอีกด้วย