ดร.ทวารัฐ กล่าวว่า "การลงนามร่วมกันในครั้งนี้ เป็นการขยายอายุความร่วมมือเดิมที่เคยลงนามไว้เมื่อ 3 ปีก่อน โดยเป็นสัญญาที่มอบสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาชิกสมาคมศิษย์เก่าของทั้ง 2 สถาบันได้รับสิทธิ์เข้าใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกของสมาคมศิษย์เก่าคู่สัญญา เป็นต้นว่า สมาชิก สนจ.ที่เดินทางไปยังสิงคโปร์สามารถเดินทางมาใช้บริการของ NUSS ได้ ขณะเดียวกัน สมาชิก NUSS ที่เดินทางมายังประเทศไทยก็สามารถใช้บริการต่าง ๆ ที่จุฬาฯ ได้เช่นกัน นอกจากสิงคโปร์แล้วเรายังมีความร่วมมือกับมาเลเซียคือ PAUM ด้วย ทั้งนี้ สนจ. ยังมีแผนขยายความร่วมมือในลักษณะนี้ไปยังสมาคมศิษย์เก่าชั้นนำในกลุ่มประเทศอาเซียนอื่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้สมาชิก สนจ. ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด และได้รับการดูแลแม้อยู่ในต่างแดน"
ปัจจุบัน NUSS มีสมาชิกกว่า 24,000 คน และมีคลับให้บริการสมาชิกทั้งสิ้น 3 แห่งทั่วสิงคโปร์ พรั่งพร้อมไปด้วยกิจกรรมสันทนาการและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ห้องประชุมสัมมนา ร้านอาหาร ภัตตาคาร บาร์แอนด์ไนท์คลับ ห้องคาราโอเกะ ฟิตเนสเซนเตอร์ สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส คอร์ดแบดมินตัน เป็นต้น โดยมีบันทึกข้อตกลง Reciprocal Agreement กับอีก 14 สมาคมศิษย์เก่าใน 8 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย อังกฤษ สกอตแลนด์ ฮ่องกง มาเลเซีย และไทย