นายวิทวัสกล่าวว่า กองทุน ABPIF มีนโยบายการลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 และ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่มีรายได้หลักมาจากการทำสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2556 กองทุนได้มีการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนมาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันทุกปี รวมแล้วทั้งสิ้น 12 ครั้ง เป็นเงิน 4.2123 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (Dividend Yield) อยู่ที่ 9.28% ต่อปี
"ในวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 ได้สิ้นสุดระยะเวลาของสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้า ซึ่งในระหว่างนี้ยังอยู่ในช่วงของการโอนผลประโยชน์ให้กับกองทุน ส่วนโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 ยังคงประกอบกิจการไฟฟ้า โดยสัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 จะมีอายุคงเหลือจนถึงปี 2565 อย่างไรก็ดี กองทุน ABPIF นอกจากจะให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอแล้ว กองทุนยังมีสภาพคล่องที่นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนในระยะสั้นประมาณ 3 ปี บลจ.กสิกรไทย มองว่ากองทุน ABPIF ยังเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจภายใต้สภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูง และภาวะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ" นายวิทวัสกล่าว
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน ABPIF สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888