นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า "เป็นที่ทราบกันดีว่าพลังงานถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งพลังงานส่วนใหญ่ที่ประเทศไทยผลิตและใช้ในปัจจุบันเป็นพลังงานจากทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไป โดยรัฐบาลได้มีการวางยุทธศาสตร์กระทรวงพลังงานและนโยบายด้านพลังงานของชาติมาอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาและผลักดันการใช้พลังงานทดแทน หรือพลังงานสะอาด เพื่อสร้างความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การส่งเสริมภาคชุมชนในการพัฒนาพลังงานจากไบโอ ก๊าซ และระดับมหภาคในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนเพื่อลดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์อันส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ในการกระจายพลังงานด้านการซื้อและขาย และเป็นศูนย์กลางการดำเนินงานด้านพลังงานของอาเซียนด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงได้เข้าร่วมสนับสนุนการจัดงาน "โครงการพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย 2562" หรือ SETA 2019 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สอดรับกับยุทธศาสตร์และนโยบายด้านพลังงานในการพัฒนาพลังงานทดแทนเพื่อสร้างความยั่งยืน และส่งเสริมศักยภาพของประเทศเพื่อเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน"
รศ.ดร.ธัชชัย สุมิตร ประธานคณะกรรมการการจัดงาน SETA 2019 กล่าวว่า "SETA ถือเป็นงานแสดงรูปแบบการจัดการพลังงานแบบบูรณาการแห่งเอเชียที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2016 และจัดต่อเนื่องกันมาปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว โดย SETA 2019 ครั้งนี้ เราได้รับการสนับสนุนจากภาคีด้านอุตสาหกรรมพลังงานทั้งภาครัฐ และเอกชน เข้าร่วมจัดการประชุมและแสดงนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด "Integrated Sustainable Energy Solutions For Asia" เพื่อผลักดันและพัฒนาองค์ความรู้ด้านพลังงานแห่งอนาคต และแสดงศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยสู่ศูนย์กลางความรู้เทคโนโลยีและการพัฒนาพลังงานทดแทน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยผู้เข้าร่วมงาน SETA 2019 ในครั้งนี้จะได้มาร่วมอัพเดทเทรนด์นวัตกรรมพลังงานของโลกและการปรับเปลี่ยนแนวโน้มการผลิตและพัฒนาด้านพลังงานของเอเชียในอนาคตทั้งระยะใกล้และไกล เช่น ด้านไฮโดรเจน เทคโนโลยี (Hydrogen Technology) ซึ่งจะมีการจัดการประชุม Hydrogen Summit ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย, เวทีการประชุม "CEO Energy Forum" โดยรวบรวมกูรูด้านพลังงานระดับโลก และเจาะลึกนโยบายพลังงานและความร่วมมือในระดับภูมิภาคอาเซียน และเวทีสัมมนาระดับสากลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ, สภาวิศวกร สมาคมพลังงานขยะ สมาคมนิวเคลียร์ไฮโดรเจน สภาไฮโดรเจน (IEA) เป็นต้น และโซนนิทรรศการพลังงานทางเลือก อาทิ การทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก โซนนิทรรศการของประเทศญี่ปุ่นที่จะจัดแสดงการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแก๊สไฮโดรเจนที่จะนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2020 หรือนิทรรศการของประเทศเยอรมันที่จะมาโชว์เทคโนโลยีคลาวด์พลังงาน เป็นต้น ซึ่งผมมั่นใจว่าผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้จะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ และสร้างโอกาสการรับรู้องค์ความรู้ใหม่ที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาพลังงานของประเทศในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งคาดว่าการจัดงาน SETA 2019 ครั้งนี้จะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 12,000 ราย"
ดร.จิราพร ศิริคำ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) กล่าวในงานแถลงข่าวการจัดงาน SETA 2019 ว่า "ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของการจัดงาน SETA 2019 และเป็นตัวแทนของผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานประชุมวิชาการและนิทรรศการนานาชาติด้านพลังงานที่ยิ่งใหญ่ของอาเซียน โดยในงาน SETA 2019 ครั้งนี้ กฟผ. ได้เข้าร่วมจัดสัมมนาในหัวข้อ EGAT and Innovation for Society, Hydro-Floating Solar Hybrid System (แนวคิดการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำในเขื่อน ของ กฟผ.) ซึ่งเป็นความรู้สำคัญที่ทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศไทยได้"
โดยงาน SETA 2019 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 10 ถึง 12 ตุลาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. ณ ฮอลล์ 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ในเว็บไซต์ www.setaasia.com