นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นไอพีโอของ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เปิดเผยว่าการซื้อขายหุ้น INSET เป็นวันแรก ในวันที่ 8 ตุลาคม 2562 โดยเปิดตลาดที่ 2.94 บาท เพิ่มขึ้น 9.29% จากราคาไอพีโอ 2.69 บาท และปรับตัวสูงสุดที่ 3.02 บาท หรือเพิ่มขึ้น 12.26 % สะท้อนให้เห็นว่าได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุน ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการกำหนดราคาไอพีโอที่มีความเหมาะสมโดยกำหนดค่า P/E ที่ 13.70 เท่า ซึ่งมีส่วนลดให้จากค่า P/E ของบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจที่คล้ายกัน ประกอบกับ INSET มีปัจจัยพื้นฐานดีและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะสัดส่วนหนี้สินต่อทุนระดับต่ำเพียง 1 เท่า รวมทั้ง INSET ยังเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่มีการให้บริการแบบครบวงจรเพียงรายเดียวในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
นอกจากนี้ยังเป็น บริษัทฯ ที่มีอนาคตการเติบโตต่อเนื่อง เพราะอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกำลังอยู่ในช่วงที่จะมีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีเข้าสู่ยุค 5G อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ที่มีโอกาสได้รับงานมากขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่า INSET จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนได้ในระยะยาว
"ในช่วงที่ผ่านมาหุ้น INSET ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก ตั้งแต่ที่ได้โรดโชว์และเปิดจองซื้อซึ่งเป็นหุ้นไอพีโอน้องใหม่ และมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร เนื่องจาก INSET มีการบริการที่ครบวงจร ปัจจัยพื้นฐานดี ฐานะการเงินแข็งแกร่ง อนาคตเติบโตแรงตามอุตสาหกรรมโทรคมนาคม รวมทั้งยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันอีกด้วย " นายเล็ก กล่าวในที่สุด
นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินฟราเซท เปิดเผยว่าหุ้น INSET ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างน่าประทับใจ นับจากนี้ INSET พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ โดยเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ในการขยายธุรกิจเพิ่มเติม เช่น โครงการก่อสร้างโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และโครงการวางระบบเครือข่ายรวมถึงอุปกรณ์ WiFi (โครงการ Google Station) รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายศักดิ์บวรกล่าวต่อว่า "ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะทำให้ INSETมีศักยภาพในการประมูลในโครงการขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าสูงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตในอนาคต และ INSET ยังคงยึดนโยบายทำงานให้เสร็จก่อนเวลากำหนด และเกินความคาดหมายของลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจในบริการ และเป็นกระบอกเสียงที่ลูกค้าช่วยบอกต่อถึงศักยภาพ และคุณภาพในการทำงานของ INSET"
"ปัจจุบัน INSET มี Backlog อยู่กว่า 2.7 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จากงานโครงการและ recurring income ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานับจากนี้ไปอีก 3-5 ปี รวมทั้งยังมีงานที่เตรียมจะประมูลกับพันธมิตรอีกหลายโครงการ คาดว่าจะสามารถคว้างานใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ INSET มีการเติบโตได้ โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ 10-20%ต่อปี และมีนโยบายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40%" นายศักดิ์บวร กล่าวในที่สุด