ดร.นพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า นอกจากการผลิตส่งจ่ายและจำหน่ายน้ำประปาในพื้นที่ 74 จังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ซึ่งต้องควบคุมดูแลคุณภาพน้ำตั้งแต่กระบวนการผลิตในทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้น้ำประปาสำหรับการอุปโภคบริโภคที่ได้มาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยที่ดีให้กับประชาชนจากการได้ใช้น้ำประปาที่ปลอดภัยแล้ว ล่าสุด กปภ. พัฒนาระบบรับชำระค่าน้ำประปาให้ลูกค้าสามารถชำระค่าน้ำประปาต่างสาขาที่ใช้บริการอยู่ได้ โดยใบแจ้งค่าน้ำต้องอยู่ภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งไม่มียอดค้างชำระ หากไม่มีใบแจ้งค่าน้ำก็สามารถแจ้งชื่อ ที่อยู่ หรือเลขที่ผู้ใช้น้ำกับสาขาที่ไปติดต่อได้ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่ต้องเดินทางบ่อยหรือไม่สะดวกที่จะชำระค่าน้ำประปาในพื้นที่ที่ใช้บริการ พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการถูกถอดมาตรน้ำเนื่องจากไม่ชำระค่าน้ำตามกำหนดเวลาและลดภาระค่าใช้จ่ายในการประสานมาตรวัดน้ำซึ่งเป็นการเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
ผู้ว่าการ กปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน กปภ. ได้เพิ่มช่องทางการชำระค่าน้ำประปาผ่านตัวแทนอื่น ๆ เช่น ร้านค้าที่มีเครื่องหมายเคาน์เตอร์เซอร์วิส, 7-Eleven, Pay@Post ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ, Just Pay ที่สำนักงานทีโอที, mPAYSTATION ที่ศูนย์บริการเอไอเอส และ ร้านเทเลวิซ, เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, ทางแอปพลิเคชั่น ทรู มันนี่ วอลเล็ท เอ็มเพย์ แอร์เพย์ อีซี่บิล รวมทั้งผ่านเครื่อง ATM และเคาน์เตอร์ธนาคารพาณิชย์ และสามารถหักผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร 14 แห่ง ทุกสาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ กปภ. ยังนำระบบการใช้งานของแอปพลิเคชั่น Apple Wallet/ My Wallet มาผสานกับระบบการแจ้งค่าน้ำประปาอิเล็กทรอนิกส์ (PWA Digital Bill) ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกแบบครบวงจรผ่านสมาร์ทโฟน ทั้งการตรวจสอบค่าน้ำประปา การชำระค่าน้ำประปาผ่านสมาร์ทโฟน หรือนำบาร์โค้ดไปแสดงที่ตัวแทนรับชำระแทนบิลกระดาษ การรับข่าวสารประชาสัมพันธ์ ตลอดจนมีระบบแจ้งเตือนครบกำหนดชำระ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้ายุค 4.0 สามารถลงทะเบียนที่ http://pwa.mywallet.co ด้วยเลขที่ผู้ใช้น้ำและรหัสหน่วยงานตามขั้นตอนที่กำหนด หากต้องการสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ PWA Contact Center โทร 1662 หรือ www.pwa.co.th หรือ กปภ. 234 สาขาทั่วประเทศ