สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ต่อสัญญาความร่วมมือในโครงการระดับเรือธง Revive the Spirit of Mosul เพื่อขยายความเป็นหุ้นส่วนบูรณะฟื้นฟูโบราณสถานในเมืองโมซูล ประเทศอิรัก
โอกาสนี้ HE Abdulrahman Hamid al-Husseini ทูตอิรักประจำประเทศฝรั่งเศส, HE Dr. Mohamed Ali Al Hakim ผู้ช่วยเลขาธิการและเลขาธิการฝ่ายบริหารของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมเอเชียตะวันตกแห่งสหประชาชาติ (ESCWA), Brother Nicolas Tixier นักบวชคณะโดมินิกันประจำแคว้นฝรั่งเศส รวมถึง Brother Olivier Poquillon เลขาธิการคณะกรรมการที่ประชุมบิชอปแห่ง EU, HE Noura Al Kaabi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและพัฒนาความรู้ของ UAE และ Audrey Azoulay ผู้อำนวยการองค์การ UNESCO ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงฉบับใหม่ที่สำนักงานใหญ่ UNESCO ในกรุงปารีส เพื่อตอกย้ำความพยายามในการฟื้นฟูสถานที่ทางวัฒนธรรมที่ถูกทำลาย 2 แห่ง ได้แก่ โบสถ์ Al-Tahera และ Al-Saa
ข้อตกลงฉบับนี้มีขึ้นในช่วงที่ UAE สนับสนุนให้ปี 2019 เป็นปีแห่งความอดกลั้น เพื่อเน้นย้ำว่าการอดกลั้นเป็นแนวคิดสากลและความบากบั่นที่ยั่งยืน.
โครงการนี้เป็นการต่อสัญญาความตกลงฉบับเดิมที่ลงนามกันในเดือนเมษายน 2018 ซึ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะให้เงินสนับสนุน 50.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างสถานที่ทางวัฒนธรรมขึ้นมาใหม่ในเมืองโมซูล โดยโครงการในระยะแรกเริ่มเกี่ยวข้องกับการบูรณะปฏิสังขรณ์มัสยิด Al-Nouri และหอคอยสุเหร่า Al-Hadba
การขยายความร่วมมือจะครอบคลุมถึงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถาน ซึ่งใช้จัดแสดงและอนุรักษ์เศษซากปรักหักพังที่เหลือ พร้อมสถานชุมชนและการศึกษา ตลอดจนการสร้างงานสำหรับชาวโมซูลกว่า 1,000 ตำแหน่ง โดยอาคารใหม่ๆ จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่ยั่งยืนสำหรับลูกจ้างในโครงการ และช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในอิรัก ซึ่งนับจนถึงตอนนี้ โครงการดังกล่าวมีการจ้างพนักงานชาวอิรักแล้ว 27 คน และเซ็นสัญญากับบริษัทอิรัก 4 แห่ง ด้วยความพยายามที่จะส่งเสริมการเติบโตในขณะที่โครงการมีความคืบหน้า UAE ยังเข้าไปพูดคุยกับคนท้องถิ่นเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมุมมองต่อโครงการฟื้นฟูสถานที่ทางวัฒนธรรมนี้ด้วย
HE Noura Al Kaabi กล่าวในพิธีลงนามว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วนกับ UNESCO และอิรัก งานของเรากับ UNESCO คือพันธสัญญาของ UAE ในการส่งเสริมโครงการขององค์การ UNESCO การลงนามในวันนี้ถือเป็นการบุกเบิกความร่วมมือที่ให้แสงสว่างในช่วงเวลาอันมืดมิด และในขณะที่เราเริ่มต้นงานก่อสร้างนี้ UAE ก็ได้กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่เข้าไปสร้างโบสถ์คริสต์ขึ้นใหม่ในอิรัก"
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1010007/UAE_UNESCO_Partnership.jpg
ติดต่อ:
Aamna Iqbal
อีเมล [email protected]
โทร. +971-52-408-3854