นายประภัตร กล่าวต่อว่า กรมการข้าวถือเป็นหัวใจหลักของชาวนา เพราะชาวนาจะได้ผลผลิตที่ดี ก็มาจากเมล็ดพันธุ์ที่ดี ซึ่งปีนี้ได้ตั้งเป้าการผลิตเมล็ดพันธุ์จากเดิม 85,000 ตัน ต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ตันต่อปี ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ต.ค.62 ครม.ได้อนุมัติแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยปี 2562 จำนวน 5 โครงการ ภายในกรอบวงเงิน 3,120.8618 ล้านบาท โดยมี โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าวปี 2563/64 ซึ่งมีเป้าหมาย เกษตรกร 827,000 ครัวเรือน เมล็ดพันธุ์ข้าว 63,200 ตัน พื้นที่ 6.32 ล้านไร่ โดยสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกร ไร่ละ 10 กิโลกรัม ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ จำนวน 1,739.4290 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้และลดรายจ่ายในครัวเรือนให้แก่เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยปี 2562 ให้สามารถทำการผลิตได้ทันทีหลังน้ำลด พร้อมกันนี้ ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนและระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี 2562 โดยกรมทรัพยากรน้ำสนับสนุนการพัฒนาแหล่งน้ำพร้อมระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อพัฒนาระบบส่งน้ำและปรับปรุงแหล่งน้ำให้กับกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่/กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ในพื้นที่นำร่อง 120 แปลงใหญ่ รวมพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งสิ้น 80,000 ไร่ ครอบคลุมทั่วประเทศ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ดำเนินการเจาะบ่อบาดาลพร้อมระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ในพื้นที่นำร่อง 700 แห่ง พื้นที่เป้าหมาย 86,000 ไร่
"มั่นใจว่าในปี 2563 กระทรวงเกษตรฯ โดย กรมการข้าว จะขับเคลื่อนการเพิ่มศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวในประเทศไทยให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ พร้อมนำระบบตลาดออนไลน์เข้ามาเชื่อมโยงการค้าขายกับผู้ซื้อโดยตรง นอกจากนี้ได้มอบแนวทางให้ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวและศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวทั่วประเทศ เร่งศึกษาวิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน โดยจะมีการประกวดแข่งขัน และมอบรางวัลเพื่อกระตุ้นให้ทุกศูนย์ฯ ได้ร่วมมือกันเป็นแรงจูงใจในการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มเมล็ดพันธุ์ในประเทศไทย" นายประภัตร กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาเกษตรกรผู้ปลูกข้าวประสบปัญหาจากภัยธรรมชาติ (ฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง และอุทกภัย) โดยพื้นที่ปลูกข้าวที่ได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง 3.97 ล้านไร่ เกษตรกร 413,965 ครัวเรือน และเสียหายจากการเกิดอุทกภัยจากพายุโซนร้อนส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกข้าวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ 3.10 ล้านไร่ เกษตรกร 544,219 ครัวเรือน ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตจนถึงภาคการส่งออก ดังนั้นภารกิจเร่งด่วนที่สุดคือการสร้างความเชื่อมั่น และดูแลความเสียหาย จนถึงการวางรากฐานที่สำคัญสำหรับอนาคตของประเทศ และพัฒนาระบบการผลิตข้าวเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทั้งระบบซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนชาวนาในการดำเนินการผลิตข้าวและถ่ายทอดความรู้ ไปสู่ลูกหลาน เพื่อให้สามารถส่งออกข้าวไปแข่งขันกับนานาประเทศ และดึงดูดลูกค้า ด้วยการผลิตข้าวที่มีคุณภาพ เชื่อมโยงภาคการตลาดอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประเทศมีศักยภาพในการแข่งขัน ต่อสู้กับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจได้ ตลอดจนชาวนามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายสุดสาคร ภัทรกุลนิษฐ์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2563 กรมการข้าวได้จัดการสัมมนา "แนวทางการดำเนินงานโครงการสำคัญของกรมการข้าว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ภายใต้ระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่" ขึ้น วัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความร่วมมือร่วมใจให้แก่บุคลากร ก่อให้เกิดการบูรณาการความคิดร่วมกัน นำไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ รวมทั้งเพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ และเป็นแนวทางให้บุคลากรสามารถดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน นำไปสู่การแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนา 200 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และบุคลากรของกรมการข้าว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 ตุลาคม 2562 ณ โรงแรมทีเค พาเลช แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร