ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 9,438 ล้านบาท

ศุกร์ ๑๘ ตุลาคม ๒๐๑๙ ๑๗:๕๘
ในปี 2562 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงและการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนหดตัวสะท้อนจากยอดจำหน่ายรถยนต์และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง นอกจากนี้ หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงและรายได้ครัวเรือนในภาคเกษตรบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ส่งผลต่อการบริโภคภาคเอกชน อีกทั้งการชะลอลงของกิจกรรมการผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรม เป็นแรงกดดันต่อการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนี้ การใช้จ่ายภาครัฐยังขยายตัวน้อยกว่าคาดจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า

กำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารในไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 9,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 จากไตรมาส 3 ปีก่อน ส่วนใหญ่จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 เป็นผลจากการเติบโตของค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม ตามเจตนารมณ์เชิงกลยุทธ์ของธนาคาร สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.7 ตามการลดลงของสินเชื่อ โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.35

ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.5 จากไตรมาส 3 ปีก่อน สะท้อนถึงวินัยการบริหารค่าใช้จ่ายของธนาคาร และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 41.9

ฐานะการเงินและเงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,001,445 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.8 จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2562 จากการลดลงของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง และการชำระคืนหนี้ของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.6 ขณะที่เงินสำรองของธนาคารยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ร้อยละ 183.4 ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลกระบวนการอำนวยสินเชื่อและการบริหารความเสี่ยง พร้อมทั้งบริหารคุณภาพสินเชื่อควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ธนาคารยังคงแนวทางการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง พร้อมทั้งรักษาเงินกองทุนและสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2562 อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 84.7 นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 ธนาคารออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิ อายุ 15 ปี ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ภายใต้หลักเกณฑ์ Basel III จำนวน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสนับสนุนให้โครงสร้างเงินกองทุนของธนาคารมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 20.7 ร้อยละ 17.7 และร้อยละ 17.7 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ