“สุวิทย์”สั่งการเตรียม 3 ภารกิจรับประเทศไทยก้าวสู่ศตวรรษที่ 21

อังคาร ๒๒ ตุลาคม ๒๐๑๙ ๑๑:๑๐
"สุวิทย์"สั่งการเตรียม 3 ภารกิจรับประเทศไทยก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 เปิดแนวรุกเน้นพัฒนาบัณฑิตและพัฒนาทักษะคนทำงาน หวั่นเทคโนโลยีทำแรงงาน 38 ล้านคนได้รับผลกระทบ พร้อมอัดงบงานวิจัยเพิ่มเป็น 2.8 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี ตอบโจทย์เศรษฐกิจประเทศ มั่นใจสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเป็น 4.4 ล้านล้านบาท ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า

ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยว่า ภารกิจสำคัญของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คือ การเตรียมประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 โดยมีภารกิจสำคัญสาม เรื่อง คือ 1. การสร้างและพัฒนาคน 2. การวิจัยเพื่อสร้างความรู้ และ 3.การสร้างและพัฒนานวัตกรรม

ทั้งนี้การสร้างและพัฒนาคน อว.ไม่ได้จำกัดแค่เพียงการผลิตบัณฑิตจำนวน 2.5 ล้านคนต่อปีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องขยายไปถึงคนที่อยู่ในการทำงาน จำเป็นต้องพัฒนาทักษะการทำงานเดิม (Re-skill Up-skill) เพราะโลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน แรงงานที่มีอยู่กว่า 38 ล้านคน มีบางส่วนที่อาจตกงาน และต้องมีการเปลี่ยนงานจากผลกระทบดังกล่าว พร้อมกันนี้ยังการทำงานร่วมกับกระทรวงอื่นๆ เพื่อการศึกษาและเรียนรู้ของคนสูงวัยจำนวน 11 ล้านคน ซึ่งการเรียนรู้ดังกล่าวไม่ใช่แค่เพียงการศึกษาเท่านั้น แต่เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นหลักสูตรที่ตอบโจทย์อาชีพ เช่น บัณฑิตพันธุ์ใหม่ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การเรียนการสอนในระบบ Degree แต่มี Non-degree ด้วย

สำหรับการสร้างองค์ความรู้ การวิจัยเพื่อสร้างความรู้ ซึ่งการลงทุนวิจัยและพัฒนา 5 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วน 0.48% ต่อ GDP วันนี้ได้ขยับขึ้นเป็น 1.1% ต่อ GDP และจะเพิ่มขึ้นไปต่อเนื่อง โดยภายใน 5 ปี ควรขยับจาก 1.1% เป็น 1.5% ต่อ GDP หรือ 280,000 ล้านบาท ซึ่งงบวิจัย 80% จะมาจากเอกชน เป็นตัวคูณสมทบเพิ่มไปอีก 4-5 เท่า ของงบวิจัยภาครัฐ 24,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นว่าการวิจัยต้องตอบโจทย์ประเทศ โจทย์เอกชน โจทย์จากชุมชน โดยแบ่งงานเป็น 4 ส่วน คือ 1) การพัฒนาคน (Brain power และ Man power) 2) การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน 3) การลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาพื้นที่ ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานราก และ 4) การวิจัยตอบโจทย์ท้าทายสังคม เช่น ปัญหาขยะ ภาวะโลกร้อน

"สิ่งสำคัญของงานวิจัยคือต้องมีเป้าหมาย ไม่ใช่ต่างคนต่างทำจนเป็นเบี้ยหัวแตก แต่จะต้องตอบโจทย์ประเทศ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้เน้นเศรษฐกิจ BCG ซึ่งรวมด้านเกษตร อาหาร การแพทย์ สุขภาพ พลังงาน วัสดุชีวภาพ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่เน้นเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สร้างมูลค่าได้ 3.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 21% GDP และจะขยับเป็น 4.4 ล้านล้านบาท ใน 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งประชาชน 18 ล้านคน จะได้ประโยชน์ เช่น จากการยกระดับเกษตรกรเป็น Smart farming การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สร้างงานเพิ่มขึ้น รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น"

นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมคือการยกเครื่องมหาวิทยาลัย ซึ่งภารกิจที่ผ่านมา คือ การเดินหน้าปลดล็อกข้อจำกัดของมหาวิทยาลัย แบ่งมหาวิทยาลัยออกเป็น 3 Track หรือ ลู่วิ่ง มหาวิทยาลัยจะตอบตัวเองว่าจะวิ่งลู่ไหน ลู่วิ่งที่ 1 มหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้แข่งนานาชาติ/ระดับโลก ลู่วิ่งที่ 2 มหาวิทยาลัยซึ่งเน้นเทคโนโลยีและภาคอุตสาหกรรม ลู่วิ่งที่ 3 ซึ่งต่อไปจะมีความสำคัญมาก คือ มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ