ดร.มนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลง ทีโอที เราได้พัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้กับทุกกลุ่มผู้บริโภค ในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 ปีนี้ ทีโอที จึงได้จัดบูธบนพื้นที่ 200 ตารางเมตร ภายใต้คอนเซ็ปต์ "TOT 360° Connect" ซึ่งสอดคล้องกับไฮไลท์ของการจัดงานในปีนี้ของกระทรวงดีอีเอส ที่มุ่งสร้างประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลพร้อมเชื่อมโยงประชาชนไทยให้ใกล้ชิดเทคโนโลยีดิจิทัลมากยิ่งขึ้น โดยเป็นการแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีถึง 8 โซน ซึ่งทีโอที ได้พัฒนาสร้างสรรค์ สร้างประโยชน์ต่อภาคประชาชน ธุรกิจ และเศรษฐกิจ เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศตามตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะโซน Connecting Digital Education ซึ่งเป็นการนำเสนอผลงานในโครงการ Thailand Digital Young Talent 2019 ที่เป็นความร่วมมือของ 26 หน่วยงาน ระหว่าง บมจ.ทีโอที สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สถาบันการศึกษา 10 สถาบัน และ สถานประกอบการอีก 14 องค์กร เพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของมนุษย์ โดยมุ่งเน้นพัฒนาสมรรถนะบุคลากรด้านดิจิทัลให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยการพัฒนานักศึกษาซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการหรือชิ้นงานร่วมกับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยจะมีการนำเสนอผลงานเดือนธันวาคม 2562 นี้ ซึ่งภายในบูธ ทีโอที ได้นำผลงาน 3 โครงการมาจัดแสดงในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ โครงการ "TOT Chatbot" โครงการ "ระบบรายงานโรคข้าว" และโครงการ "Transportation Management"
นางพิมพ์วิมล วงษ์สุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โดยภายในบูธ ทีโอที ได้แบ่งพื้นที่เป็น 8 โซน เพื่อนำเสนอ Products บริการ และนวัตกรรมของทีโอทีทั้งหมด ประกอบด้วย
-โซนที่ 1 Connecting Digital Cities นำเสนอเมืองจำลองอัจฉริยะเมืองแห่งอนาคตที่เชื่อมสังคมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านเทคโนโลยี การนำเสนอบริการท่อร้อยสายสื่อสารของทีโอที ในฐานะผู้ให้บริการรายใหญ่ที่ได้วางท่อร้อยสายสื่อสารลงใต้ดิน ครอบคลุมในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเมืองใหญ่ในเขตภูมิภาค ทำให้ภูมิทัศน์ของแต่ละเมืองมีความเป็นระเบียบ สวยงาม ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และยังมี เสาอัจฉริยะ หรือ I-Pole ที่ใช้ในการวัดอุณหภูมิ และมลพิษทางอากาศ
-โซนที่ 2 Connecting Digital Security นำเสนองานระบบความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี Face Recognize ผ่านกล้อง CCTV ที่ช่วยให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตสูงขึ้น
-โซนที่ 3 Connecting Digital Home นำเสนอเทคโนโลยีเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านให้บ้านกลายเป็น Smart Home สามารถสร้าง quality time ในครอบครัวได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพราะสถาบันครอบครัวที่ดี คือแหล่งพัฒนาบุคลากรประเทศที่ดีที่สุด
-โซนที่ 4 Connecting Digital Health Services เป็นการนำเสนอเทคโนโลยีอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ป่วย หรือ คนชรา ผ่านโทรศัพท์ TOT Help Call 1669 ระบบแจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินแสดงผลอัตโนมัติ และ TOT SMART HELP WATCH บนข้อมือของผู้ใช้ ที่เป็นอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกในการใช้งานสำหรับผู้ป่วยและชรา
-โซนที่ 5 Connecting Digital Business นำเสนอธุรกิจโรงแรมที่มีการดำเนินธุรกิจผ่านโครงข่ายสื่อสารของ ทีโอที และรวมถึงนำเสนอบริการอื่นๆ ด้านการสื่อสารที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ
-โซนที่ 6 Thailand ASEAN Digital Hub นำเสนอเส้นทางการเชื่อมต่อเคเบิลใต้น้ำ AAE-1 ของ ทีโอที ซึ่งสนองต่อนโยบายของภาครัฐ และตอบสนองความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกสู่การเป็น Hub โดยมีประเทศไทยเป็นส่วนของเส้นทางหลัก ซึ่งช่วยให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ Thailand ASEAN Digital Hub
-โซนที่ 7 Connecting Digital Agriculture เป็นการนำเสนอระบบบริหารจัดการฟาร์มอัจฉริยะ (Smart Farm) ด้วยเว็บแอปพลิเคชั่นที่สามารถรับข้อมูลจากอุปกรณ์ sensor ที่จะตรวจวัดค่าต่าง ๆ ได้ จำลองบนนาข้าว และบ่อเลี้ยงกุ้ง เพื่อช่วยในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของสินค้าเกษตร และอำนวยความสะดวกในการทำงานของเกษตรกร
-โซนที่ 8 Connecting Digital Education เป็นเวทีการนำเสนอผลงาน ในโครงการ Thailand Digital Young Talent 2019 ของทีโอที 3 ทีม จาก 3 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในโครงการ "TOT Chatbot" เป็นความร่วมมือกับทีโอที, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในโครงการ "ระบบรายงานโรคข้าว" ที่เป็นความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. และมหาวิทยาลัยบูรพาในโครงการ "Transportation Management" ร่วมกับบริษัท ทีบีเคเค (ประเทศไทย) จำกัด ในการพัฒนาระบบบริหารจัดการการขนส่งชิ้นส่วนและสินค้าของบริษัท
ทั้งนี้รูปแบบบูธนิทรรศการของ ทีโอที ทั้ง 8 โซนนี้ เป็นการจำลองในรูปแบบความเป็นจริง สามารถจับต้องได้ สร้างประสบการณ์ด้านดิจิทัลให้กับประชาชน
นางพิมพ์วิมลฯ กล่าวว่า ในงานวันนี้ ทีโอที ได้เปิดตัว TOT Chatbot ซึ่งเป็นช่องทางดิจิทัลสำหรับลูกค้าเพื่อให้คำแนะนำช่วยเหลือเกี่ยวกับสินค้าและบริการ รวมถึงการสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่รวดเร็วตลอด 24 ชม. โดยในปีนี้จะเปิดให้บริการบน Facebook Messenger และในปี 2563 จะเปิดให้บริการบน Line ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคดิจิทัล ซึ่งเมื่อเร็วๆ ทีโอที ยังได้พัฒนาระบบ TOT e-Service เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าในการชำระเงินในรูปแบบด่วนออนไลน์ "Quick Pay" หรือ "จ่ายบิลด่วน" เพื่อให้ลูกค้าเข้าระบบชำระค่าบริการโทรศัพท์บ้าน อินเทอร์เน็ต ค่าบริการมือถือ TOT mobile ได้ทันทีโดยไม่ต้องเป็นสมาชิก เพื่อตอบโจทย์ยุคดิจิทัลและพฤติกรรมของลูกค้าที่การจ่ายบิลที่ปรับเปลี่ยนไปเป็นการชำระผ่านระบบออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ ทีโอที เราจะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาบริการดิจิทัลรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความรวดเร็ว ช่วยให้ชีวิตง่ายมากขึ้น และเติมเต็มกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการพัฒนาช่องทาง Digital Touch Point ต่างๆ เพื่อลูกค้าของ ทีโอที