"รายงานล่าสุดจาก The Pulse of The Fashion Industry บ่งบอกว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ทำลายสิ่งแวดล้อมมากที่สุดของโลก โดยสร้างขยะบนโลกมากถึงร้อยละ 4 หรือประมาณ 92 ล้านตันต่อปี โดยปริมาณขยะส่วนใหญ่เกิดขึ้นในขั้นตอนการตัดชิ้นวัสดุ โดยเฉพาะสินค้าประเภทหนังก่อให้เกิดขยะมากถึงร้อยละ 25 – ร้อยละ 60 ด้วยเหตุนี้ เราจึงตัดสินใจซื้อชิ้นส่วนหนังและวัสดุที่เหลือใช้จากการสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นที่ทางแบรนด์หรูชื่อดังไม่ต้องการแล้วนั้นนำมาชุบชีวิตและรังสรรค์ผลงานคอลเล็กชั่น "Phenix" (นกฟีนิกซ์) ทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของกระเป๋าและเครื่องประดับที่สร้างสรรค์จากวัสดุเกรดเดียวกับที่ทางแบรนด์หรูใช้ในราคาที่สมเหตุสมผล" มิสโคเฮน กล่าว
นอกจากการเลือกใช้วัสดุที่เหลือใช้แล้ว ทางแบรนด์ "roserose" ยังเลือกใช้หนังสัตว์จากสัตว์ที่เสียชีวิตโดยธรรมชาติ และได้เข้าร่วมลงนามใน 'Fashion Pact' กับแบรนด์สินค้าหรู 150 แบรนด์ในการให้คำมั่นสัญญาที่จะมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และลดปริมาณการผลิตที่เกินจำเป็นในอุตสาหกรรมแฟชั่น
ทั้งนี้ กระเป๋าและเครื่องประดับแบรนด์ "roserose" ทุกชิ้นถูกรังสรรค์ขึ้นที่เวิร์คช็อปในกรุงเทพฯ โดยฝีมือช่างชาวไทย และสำหรับคอลเล็กชั่นกระเป๋ารุ่น "Phenix" นี้จะมีการประทับชื่อรุ่นด้านในทุกใบ เพื่อบ่งบอกถึงความหมายของชื่อรุ่นที่หมายถึง "นกฟีนิกซ์" สัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งและการเริ่มต้นใหม่ นกในตำนานที่มีความเป็นอมตะ และสามารถฟื้นคืนชีพได้หลังความตาย เหมือนกับหนังและวัสดุที่นำมาใช้สร้างเป็นชิ้นงานคุณภาพที่มีความคงทน สวยงามและมีเอกลักษณ์
"ธรรมชาติของแฟชั่น คือวงจรของเทรนด์ที่หมุนเวียนกลับมาใหม่" มิสโคเฮน กล่าวทิ้งท้าย
ปัจจุบัน นอกจากกระเป๋าและเครื่องประดับแบรนด์ "roserose" จะมีจำหน่ายที่แกลอรี่ แอดเลอร์ (Galerie Adler) ซอยเจริญกรุง 45 แล้ว ผู้สนใจยังสามารถซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ www.roserose.fr และร้าน Another Story@EmQuartier ร้าน Endless Summer และโรงแรมเดอะ สุรินทร์ ในภูเก็ต รวมทั้งร้านสินค้าแฟชั่นชั้นนำในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส