นายวิศาล กล่าวว่า โออาร์ และบริษัทในเครือต่างประเทศ ได้แก่ บริษัท พีทีที (ลาว) จำกัด (PTT LAO) บริษัท ปตท.(กัมพูชา) จำกัด (PTTCL) บริษัท พีทีที ออยล์ เมียนมาร์ จำกัด (PTTOM) และบริษัท พีทีที ฟิลิปปินส์ คอร์ปอเรชั่น (PTTPC) ได้ร่วมกันจัดโครงการ OR Seeding the Future ASEAN Camp มาตั้งแต่ปี 2558 เนื่องจาก โออาร์ เชื่อมั่นในศักยภาพของเยาวชน ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความดีและเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยพัฒนาประเทศในอนาคต โดยปีนี้มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ 50 และมีมหาวิทยาลัยในภูมิภาคอาเซียนให้ความสนใจส่งเยาวชนเข้าร่วมโครงการฯ กว่า 100 แห่ง โดยเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับความรู้ด้านการตลาดและดิจิทัลจากคณาจารย์จากสถาบันที่มีชื่อเสียงของไทย นอกจากนี้ ยังได้เรียนรู้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ โออาร์ และได้เยี่ยมชมธุรกิจของ โออาร์ ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น สถาบันพัฒนาศักยภาพธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก (OBA: Oil and Retail Business Academy) ศูนย์ธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน (AICA: Amazon Inspiring Campus) รวมถึงเยี่ยมชมโครงการสำคัญต่าง ๆ ของบริษัทในกลุ่ม ปตท. ณ จังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยองได้แก่ คลังก๊าซเขาบ่อยา ศูนย์การเรียนรู้ป่าวังจันทร์ ที่ดำเนินการโดยสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฮารุมิกิ สตรอว์เบอร์รี่ฟาร์ม บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด โดยมีเยาวชนที่ได้ร่วมโครงการฯ รุ่นที่ 1 - 4 ร่วมเป็นพี่เลี้ยงอาสา ซึ่งจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ และสร้างเครือข่ายเยาวชนในประเทศอาเซียนที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ โออาร์ ยังได้ต่อยอดโครงการฯ ด้วยการเปิดโอกาสให้เยาวชนอาเซียนที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการฯ เข้าร่วมฝึกงานกับ โออาร์ และบริษัทในเครือต่างประเทศในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำงานจากสถานการณ์จริงโครงการ OR Seeding the Future ASEAN Camp จะช่วยให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะทางการคิด ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ศักยภาพในด้านต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงการสร้างเครือข่ายเยาวชนที่แน่นแฟ้นในหมู่เยาวชนในประเทศอาเซียน ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอดเมล็ดพันธุ์แห่งความดีอย่างยั่งยืน และเติบโตเป็นต้นกล้าที่มีคุณภาพ เป็นอนาคตที่สำคัญในการพัฒนาภูมิภาคอาเซียนต่อไป นายวิศาล กล่าวเพิ่มเติม