นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกเติบโตในอัตราที่ชะลอลง ทำให้ธนาคารกลางสำคัญๆ ทั่วโลกเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลง ส่งผลให้ผลตอบแทนที่ได้รับจากเงินฝาก และตราสารหนี้ทรงตัวในระดับต่ำ ประกอบกับผลตอบแทนในกองทุนตราสารหนี้เองก็เริ่มได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีผลตอบแทนที่ได้จากดอกเบี้ย ดังนั้น การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์นักลงทุนที่รับความเสี่ยงไม่ได้มากนักเหมือนในอดีต
และแม้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นน่าจะได้รับผลดีจากสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น แต่จะเห็นได้ว่าในบางช่วงตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างมากเพราะได้รับแรงกดดันจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า และความกังวลเรื่องการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน ดังนั้น จึงทำให้นักลงทุนที่หันมาให้ความสนใจลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพิ่มขึ้นมาก เพราะมีข้อดีคือมีอัตราการจ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับสูง และสม่ำเสมอ ส่วนความผันผวนของราคาแม้จะสูงกว่าตราสารหนี้ แต่ก็ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว และยิ่งทิศทางของดอกเบี้ยที่อยู่ในขาลง จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้อยู่ในระดับต่ำต่อไป และทำให้ REIT น่าลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล รีท (TGREIT) กองทุนสินทรัพย์ทางเลือกความเสี่ยงระดับ 8 (เสี่ยงสูงมาก) เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ในประเทศที่พัฒนาแล้วจึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อตอบรับความต้องการ และเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนใน REIT ที่น่าสนใจทั่วโลก บลจ.ทิสโก้จึงได้ขยายมูลค่าโครงการจากเดิม 700 ล้านบาทเป็น 1,700 ล้านบาท โดยนักลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุน กองทุน TGREIT ได้ในทุกวันทำการ มูลค่าลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท ทั้งนี้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
"ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนยังคงให้ความสนใจลงทุนใน TGREIT อย่างต่อเนื่อง เพราะการลงทุนใน REIT ช่วยตอบโจทย์การลงทุนในช่วงเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ช่วยลดความผันผวนของผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งการลงทุนใน TGREIT มีจุดเด่นคือได้กระจายการลงทุนไปยัง REIT ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุน B&I Global Real Estate Securities Fund (UCITS) ชนิดหน่วยลงทุน S (กองทุนหลัก) การกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายประเทศจะช่วยนักลงทุนกระจายความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจได้ในระยะยาว" นายสาห์รัชกล่าว
กองทุนเปิด TGREIT อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4