ดร.อภิชัยฯ ได้กล่าวต่อไปว่า ผังเมือง EEC ในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้กำหนดพื้นที่อุตสาหกรรมหรือพื้นที่สีม่วงไว้หลายบริเวณ ส่งผลให้ราคาที่ดินในจังหวัดฉะเชิงเทราได้พุ่งสูงขึ้นมาโดยตลอดในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่ดินบริเวณที่คาดว่าจะอยู่ในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมตามผังเมือง EEC ได้พุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งบริเวณนิคมทีเอฟดีก็อยู่ภายใต้ผังเมืองใหม่นี้ด้วยเช่นกัน ฉะนั้น เมื่อผังเมือง EEC มีผลใช้บังคับ ทำให้ที่ดินนอกนิคมทีเอฟดีที่ JCK ถืออยู่ได้เปลี่ยนสีจากสีเขียวเขตพื้นที่เกษตรกรรม มาเป็นพื้นที่สีม่วงเขตพื้นที่อุตสาหกรรม จึงส่งผลดีให้แก่ JCK เป็นอย่างมากที่จะสามารถนำเอาที่ดินในส่วนนี้มาใช้ประโยชน์และพัฒนาให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมในเฟสต่อไปได้ทันที โดยจากผังเมืองเดิมที่มีพื้นที่อุตสาหกรรม 2,500 ไร่ เมื่อประกาศผังเมือง EEC จะมีพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 5,000 ไร่
ดร.อภิชัยฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 มีทั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไปและเขต Free Zone ซึ่งจะสามารถรองรับได้หลากหลายตามความต้องการของนักลงทุน ในช่วงนี้ได้มีนักลงทุนได้สนใจเข้ามาดูพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดีกันอย่างต่อเนื่อง มีทั้งรายที่ต้องการพื้นที่ดินขนาดเล็กประมาณไม่เกิน 10 ไร่ และขนาดใหญ่เกิน 10 ไร่ขึ้นไปจนถึงกว่า 100 ไร่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนต่างชาติที่จะย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย บางรายก็ต้องการขยายพื้นที่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น หลายรายบริษัทฯต้องปฏิเสธการขายเพราะประเภทของกิจการไม่สอดคล้องกับนโยบายของนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี ที่ต้องการเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่เป็น Green Industry และไม่สร้างมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อม