ออก 'เดินทางใจ'
อ.ประมวล เพ็งจันทร์ เล่าว่า "มนุษย์เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นในปรากฏการณ์ของธรรมชาติและก็สูญสลายไปตามธรรมชาติ แท้ที่จริงแล้วตัวตนของมนุษย์ไม่ใช่อะไรเลย การที่มนุษย์ได้มีชีวิต เป็นเสมือนการซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวมาเที่ยวอยู่บนโลกใบนี้ เมื่อตระหนักได้ดังนี้แล้วจะละความยึดมั่นถือมั่นในจิตใจได้
การเดินทางใจนั้นก็คือ การอยู่กับปัจจุบัน ยอมรับในทุกสรรพสิ่งที่ปะทะเข้ามาในชีวิตอย่างไม่ตัดสิน สัมผัสสิ่งเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่ดี แม้จะเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างมองว่าเป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่ถ้ารู้จักที่จะให้ความหมายดีๆ กับสิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้นกับชีวิต ก็จะนำมาซึ่งความสุขภายในจิตใจ เป็นต้นว่าหากวันหนึ่งป่วย ไม่สามารถลุกจากเตียงได้ ก็จงมองว่าความเจ็บป่วยเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่แวะมาเยี่ยมตามโอกาส ความเจ็บป่วยนี้ทำให้เราได้มองเห็นคุณค่าของร่างกายที่เคยแข็งแรงในช่วงเวลาที่ผ่านมา"
ขณะที่ เอ๋ สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ ก็เสริมความเข้าใจคำว่า 'เดินทางใจ' เพิ่มเติม โดยกล่าวว่า "เราต่างมีโลกสองใบซ้อนกันอยู่ในชีวิต อันแรกคือโลกเชิงกายภาพ ที่เราเห็นเส้นทางชัดเจน ก็คือเส้นทางที่เราเอาเท้าแตะลงไป แต่โลกอีกใบหนึ่งเราไม่เห็น เพราะว่ามันอยู่ข้างในความรู้สึกเรา คนเราเวลาเดินทางไปด้วยเท้า มันก็จะเดินทางไปถึงจุดนั้นจุดนี้ได้ในชีวิตประจำวัน แต่ว่าในด้านในหัวใจเรามันมีเส้นทางเส้นทางหนึ่งซึ่งเราต้องเดินไปตลอดชีวิต ก็คือเส้นทางที่เราต้องทำให้เราต้องเดินไปเจอปัญหา อุปสรรค สิ่งที่ชอบและสิ่งที่ไม่ชอบ ทั้งหมดนั้นเส้นทางนี้เกิดขึ้นเพื่อที่จะขัดเกลาจิตใจให้เรา เพื่อฝึกใจให้เราอยู่บนโลกนี้อย่างกลมกลืนมากขึ้น"
อุปสรรค คือ อุปกรณ์
ในกิจกรรมครั้งนี้ อ.ประมวล เพ็งจันทร์ ก็ได้นำผู้เข้าร่วมลองออกเดิน เพื่อทำความเข้าใจมากขึ้น ถึงศาสตร์แห่งการเดินทางใจ นำพาจิตใจที่เคยล่องลอยกลับมาอยู่กับร่างกาย และรับรู้สึกสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างเป็นปัจจุบัน เมื่อผู้เข้าร่วมเกิดความสงสัยว่า จะจัดการกับอุปสรรคที่พบเจอในระหว่างทางได้อย่างไร? อ.ประมวล กล่าวว่า "ให้มองว่าชีวิตนี้ไม่มีอุปสรรค ทุกสิ่งที่เข้ามาคืออุปกรณ์ของการเรียนรู้ชีวิต หากเราตั้งใจที่จะเรียนรู้ ทุกสิ่งที่เข้ามาก็จะกลายเป็นเครื่องมือในการขัดเกลาชีวิตและจิตใจของเรา เมื่อเห็นได้ดังนี้แล้วไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้ายที่เข้ามา ก็จะไม่กลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าเลย เพราะมันนำไปสู่การเรียนรู้ชีวิต หากทำความคิดและความรู้สึกให้ได้ดังนี้เราก็จะค่อยๆ รู้สึกดีกับทุกสิ่งรอบตัว"
อ. ประมวล กล่าวเพิ่มเติมถึงสภาวะของการเรียนรู้ว่า "การเรียนรู้ เป็นความรู้สึกตื่นที่จะรับรู้อารมณ์ที่จะเข้ามาสู่ครรลองของจิต จิตของคนเรามันต้องรับรู้ตลอดเวลา ในการรับรู้ของจิต ถ้ามันอยู่ในภาวะมึนเมาหลับไหล มันจะกลายเป็นจิตที่รับรู้ในความหมายของการตัดสิน ในความหมายว่าตัดสินคือสิ่งใดเราชอบสิ่งใดเราไม่ชอบ
การที่เรามีจิตตื่นรู้ก็เป็นเสมือนการโปรแกรมใหม่ โดยการระบุว่าทุกสภาวะคือโอกาสของเราที่จะได้เรียนรู้ ฉะนั้นไม่ว่าอารมณ์นั้นจะเข้ามาเช่นไรเราต้องรับรู้ การรับรู้ตรงนี้เรียกว่าการมีสติ ซึ่งหมายความว่าจิตตื่นขึ้นมารับรู้อารมณ์นั้นแล้วไม่ปล่อยอารมณ์นั้นเข้ามากดดันหรือเข้ามากดทับสภาวะให้กลายเป็นความขุ่นมัวในจิตในใจ"
พื้นที่ชีวิตและความสัมพันธ์
อ.ประมวล กล่าวว่า "เมื่อเราเริ่มเรียนรู้ที่จะทำให้จิตของเราสัมพันธ์กับอารมณ์หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว น้อมรับที่จะเปิดใจเรียนรู้ เราจะเริ่มมองเห็นคุณค่าของปรากฎการณ์และบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ตระหนักได้ว่าความสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆและผู้คนรอบๆตัวมีความหมายต่อชีวิตเรามากแค่ไหน ทุกๆความสัมพันธ์ในชีวิตล้วนเป็นความสัมพันธ์ที่แสนงดงามยิ่งใหญ่ แล้วเราจะรับรู้ได้ว่าเราเกิดมาเพื่อทำหน้าที่อะไร และมองเห็นเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน"
การโคจรมาพบกันของนักปรัชญาและนักเขียนในครั้งนี้ เอ๋ สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ ก็แชร์สิ่งที่เขาค้นพบออกมาได้อย่างน่าสนใจ โดยกล่าวว่า "การได้พูดคุยและเรียนรู้จาก อ.ประมวล ทำให้ผมค้นพบสิ่งสิ่งหนึ่ง ที่ผมเรียกว่าเรียกมันว่าพื้นที่จะยืน ซึ่งในชีวิตคนเราต้องการพื้นที่นี้เพื่อความไม่เคว้งคว้าง ความหมายของพื้นแห่งนี้สำหรับผมมันคือ การที่เราวางใจในเส้นทางเดินของหัวใจ มั่นใจว่าไม่ว่าอะไรที่มันจะผ่านเส้นทางนี้ มันผ่านเข้ามาเพื่อให้เราเติบโตในจิตวิญญาณของหัวใจเราเอง ให้เราอยู่ในโลกใบนี้ได้ดียิ่งขึ้น การที่ได้พบพื้นตรงนี้มันนำมาสู่เชื่อมั่นในชีวิตที่จะดำเนินต่อไป"
ความรู้ ความรัก ความหวัง
การออกเดินทางใจในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้ เอ๋ สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือ นิ้วกลม ได้ค้นพบบทสรุปง่ายๆ สำหรับตัวเขาเอง สำหรับขับเคลื่อนดำเนินชีวิตต่อไป "การเดินทางใจ ทำให้ผมตระหนักได้ว่า ตนเองกำลังทำหน้าที่อะไรอยู่ ผมคิดว่ามนุษย์เราน่าจะอยู่บนโลกใบนี้ด้วยการส่งต่อ 3 สิ่งนี้ให้กัน นั่นคือ ความรู้ ความรักและความหวัง ซึ่งผมตั้งใจส่งต่อ 3 สิ่งนี้มาโดยตลอด อะไรที่เป็นความรู้หรือคิดว่ามันจะมีประโยชน์ก็ส่งต่อหรือเวลาที่คนเขารู้สึกว่าไม่ค่อยมีกำลังใจ ไม่มีความหวังในชีวิต เมื่อมีเรื่องราวหรือแง่คิดบางอย่างที่มันจุดประกายไฟในชีวิตเขาได้ก็ทำ อีกอย่างหนึ่งที่ควรจะทำมากๆ ก็คือ เราควรส่งมอบความรักให้กันในเวลาที่เรายังอยู่บนโลกใบนี้ เพราะว่าไม่มีใครที่ไม่ต้องการความรัก"
กิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวสารคดี The Heart Explorer: เดินทางใจ เรื่องราวที่ว่าด้วยช่วงเวลาแห่งการแสวงตัวตนและความหมายของชีวิตของคนหนุ่มสาว 5 คน ผู้ซึ่งแตกต่างกันทั้งที่มาและหน้าที่การงาน กับการเลือกเดินทางไปกับ 5 ผู้แบ่งปันประสบการณ์ จากชีวิตที่ผ่านร้อนหนาวมายาวนาน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ มุมมองและคุณค่าชีวิตที่แต่ละคนค้นพบผ่านการใช้ชีวิต
มิ้นท์ มณฑล กสานติกุล หญิงสาวนักเดินทางจากเพจ I Roam Alone เดินทางมาพบ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ / ป้อมปืน วรวิส สบายใจ ผู้เติบโตมากับวิถีโฮมสคูล พบ คามิน เลิศชัยประเสริฐ / ธันย์ ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ สาววัยรุ่นผู้ปรารถนาจะเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ พบ พระจิตร์ จิตตฺสํวโร / พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล ดาราวัยรุ่นจากรักแห่งสยาม มาพบ ป้ามล ทิชา ณ นคร แห่งบ้านกาญจนาภิเษก / พลอย กษมา แย้มศรี สถาปนิกชุมชนหญิง เดินทางไปพบกับ โจน จันใด ที่สวนพันพรรณ
สารคดี The Heart Explorer: เดินทางใจ จัดทำโดยโครงการ New Heart New World: โลกเปลี่ยนไปเมื่อใจเปลี่ยนแปลง โดยบริษัทดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่นจำกัด ที่ได้รับการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ Whizdom Society ที่ให้การสนับสนุนในการใช้สถานที่เพื่อจัดกิจกรรม ถ่ายทำและผลิตโดยทีมงาน ATMOSFILM