ในวันนี้ที่เรายัง #โชคดีที่ได้เลือก อลิอันซ์ อยุธยา จึงได้รวบรวมเอามุมมองการใช้ชีวิตผ่านประสบการณ์ตรงของเหล่านักคิด คนดัง ในหลากหลายวงการ มาแชร์ให้ทุกคนได้ลองกลับไปคิด และปรับใช้กับตัวเองกันดู ทั้งในเรื่องชีวิตการทำงาน การดูแลสุขภาพ การหาความสุขให้กับชีวิต ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นของตัวคุณเอง หรือคนที่คุณรัก
มองหาคุณค่าในสิ่งที่คุณทำ
คุณเคยได้ยินคำว่า ออฟฟิศซินโดรมทางใจ มั้ย อาการเบื่อหน่ายไม่อยากไปทำงาน ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น คำแนะนำจาก คอลัมนิสต์ชื่อดัง ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ อาจจะช่วยเยี่ยวยาโรคนี้ให้คุณได้ เริ่มจากการตั้งถามให้กับตัวเองว่าเราอยากจะเป็นคนแบบไหน แล้วงานที่เราทำอยู่ทำให้เราเป็นคนที่อยากจะเป็นหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ลองมองหาความหมายของงานที่คุณทำ ลองดูว่าสิ่งที่ทำอยู่ได้ช่วยให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้นมั้ย ได้สร้างประโยชน์ และความสุขให้กับคนรอบข้างหรือไม่ ถ้าคุณเจอคุณค่าเหล่านั้น มันจะช่วยเติมเต็มพลังใจของคุณได้ดีเลยทีเดียว
จงภูมิใจในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง
อยากหุ่นดีเพอร์เฟคเหมือนนางแบบ ตั้งหน้าตั้งตากินคลีน ออกกำลังกายอย่างหนัก ตบะแตก กลับมาอ้วนเหมือนเดิม ถ้าวงจรนี้ฟังดูแล้วคุ้นๆ ลองมาเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตแบบบล็อกเกอร์สาวสายสุขภาพ แม้ดหมี่-พิมพ์อร โมกขะสมิต ที่ค้นพบฝความพอดีในแบบของตัวเอง ด้วยสูตร 70:30 โดย 70% จะเป็นการควบคุมตัวเอง เพื่อให้เราบรรลุเป้าหมาย ส่วนอีก 30% คือการตามใจตัวเองและอยู่นอกกรอบ เพราะสุดท้ายไม่มีไดเอทไหนที่คุณจะทำไปได้ตลอด ถ้ามันไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ของคุณ สิ่งสำคัญคือการหาสมดุลของตัวเอง ไม่ว่าคำว่าเพอร์เฟคจะคืออะไร จงภูมิใจในความไม่สมบูรณ์แบบเพราะมันจะช่วยผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองต่อไป
ถ้าเราอยากเปลี่ยน เราต้องลงมือทำ
บ่อยครั้งที่เราอยากจะมี อยากจะเป็น แต่เรายังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ทำอะไรแบบเดิมๆ อดีตนักร้องสาว เอิน กัลยกร นาคสมภพ ได้แชร์บทเรียนจากประสบการณ์ที่เป็นโรคซึมเศร้ามานานถึง 20 ปี ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้ คือการเริ่มลงมือทำ แม้บางครั้งเราจะต้องฝืนตัวเองบ้าง แต่เมื่อนั้น เท่านั้น เราถึงจะมีชีวิตแบบที่เราอยากจะเป็นได้ เพราะสุดท้ายไม่มีใครช่วยเราได้ ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาสู้ และเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง
ความตายเป็นเรื่องธรรมดา วันหนึ่งเราต้องตาย
ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากพูดถึง แม้เรารู้กันอยู่เต็มอกว่าวันหนึ่งมันจะมาถึง แต่การหลีกเลี่ยง และไม่ยอมรับความจริงอาจจะทำให้เมื่อวันที่เรา หรือคนที่เรารักต้องจากโลกนี้ไป เป็นเรื่องเศร้าที่ยากจะรับมือไหว ดังนั้น ถ้าเรายอมรับว่าความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ มันจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างรู้คุณค่า มีสติ และไม่ไปเสียเวลาโกรธ หรือเกลียดใคร ในขณะที่วันนี้เรายังมีชีวิตอยู่ ลองมานึกดูว่าในวันที่เราจากไป เราอยากให้คนข้างหลังคิดถึงเราแบบไหน และเริ่มเป็นคนที่เราอยากให้ทุกคนจดจำ นี่คือสิ่งที่ ตั๊บ ดลพร รุจิรวงศ์ นักเขียน นักแปล ผู้ซึ่งมีประสบการณ์กับการจากไปของบุคคลอันเป็นที่รัก 3 ท่าน ในช่วงระยะเวลา 4 เดือนของการแปลหนังสือ "วาระสุดท้าย" ได้มาแชร์สิ่งที่เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับความตาย
อยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุข เพราะความตายเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างไรให้มีความสุข เป็นสิ่งที่ ศ.นพ.ดร. อิศรางค์ นุชประยูร คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งและชีวาภิบาล ผู้อำนวยการโครงการวิสาหกิจเพื่อสังคม 'เยือนเย็น' ซึ่งเน้นการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองที่บ้าน หรือ Palliative Care ใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และครอบครัว เมื่อรู้ว่าไม่มีการรักษาใดจะหยุดยั้งโรคนี้ได้แล้ว เพราะแทนที่เราพยายามวิ่งหนีมันต่อ และต้องมาเป็นทุกข์หมกมุ่นกับวาระสุดท้าย การเยี่ยวยาที่ดีที่สุดอาจจะเป็นการได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างเต็ม ได้กินในสิ่งที่อยากกิน ได้ไปในที่ที่อยากไป และมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุข
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของทอล์กโชว์ "อยู่สบาย ตายดี" ในงาน Healthy Living Day #โชคดีที่ได้เลือก ที่จัดโดย อลิอันซ์ อยุธยา รวมกับ เจาะใจ และ ชีวามิตรเท่านั้น ถ้าใครพลาด สามารถไปติดตามได้ที่บันทึกเทปย้อนหลังรายการเจาะใจ วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2562 และชมคลิปจาก speaker และภาพบรรยากาศงานย้อนหลัง ได้ที่ https://www.facebook.com/AZAYfan/