นายประกาสิทธิ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด บริษัทในกลุ่มสยามกลการ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่ ยีเอส แบตเตอรี่ โชว์ศักยภาพความแข็งแกร่งครองความเป็นผู้นำตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนได้รับความนิยม และเชื่อมั่นจากผู้ใช้รถยนต์ทุกประเภท ถือเป็นแรงผลักดันหลักที่ทำให้เราประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี โดยบริษัทฯ ได้มีการศึกษาและค้นคว้าวิจัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบรับต่อความต้องการของผู้ใช้รถยนต์และทิศทางการเปลี่ยนไปของพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งกลยุทธ์ธุรกิจดังกล่าวสร้างการเติบโตให้บริษัทฯ อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 สำหรับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปี 2562 ล่าสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรมแห่งประเทศไทย (สอท.) คาดว่าจะมีปริมาณการผลิตรถยนต์จำนวน 2,150,000 คัน และประมาณการยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศอยู่ที่ 1,040,000 คัน "บริษัทฯ พร้อมที่จะเติบโตแบบคู่ขนานไปกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย" โดยทางยีเอส เชื่อมั่นว่า "ปัจจุบัน สยามยีเอสเซลล์ รับผิดชอบในการทำตลาดสินค้าแบรนด์ GS ในส่วนของตลาดทดแทน Replacement Equipment Market (REM) และดูแลตัวแทนจำหน่ายรวมไปถึงลูกค้าภายในประเทศ โดยได้มีการปรับโครงสร้างทีมผู้บริหาร ทีมงานการตลาด และพนักงานขายในแต่ละเขตให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ตลอดจนได้เพิ่มทีมงานสนับสนุนทางด้านเทคนิค เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้ความรู้กับลูกค้า มีการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจให้ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาด รวมไปถึงการปรับโครงสร้างทางด้านราคา และวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มสินค้าต่างๆ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มกลยุทธ์ทางด้านการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมไปถึงการเพิ่มช่องทางการรับรู้ของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง"
สำหรับ ผลประกอบการของบริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 เดินไปในทิศทางบวก สามารถทำยอดขายได้มากกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สัดส่วนทางการตลาดเป็นที่น่าพอใจ
"ด้านภาพรวมสินค้าของ ยีเอส แบตเตอรี่ ได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีจากตัวแทนจำหน่าย และผู้บริโภค เรามีการเน้นย้ำเรื่องการปรับปรุงคุณภาพการบริการในทุกๆ ด้านให้ดีขึ้น เช่น การให้บริการกับลูกค้าในแต่ละพื้นที่ การเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจ การรับฟังข้อเสนอและปัญหาจากตัวแทนจำหน่าย รวมไปถึงการเคลมสินค้าให้รวดเร็วตามมาตรฐาน ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าทิศทางของผลิตภัณฑ์ และการตอบรับจากผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการใช้งาน เพื่อให้ตอบสนองกับความสะดวกสะบายมากขึ้น ซึ่งสัดส่วนของการใช้แบตเตอรี่ภายในประเทศ แบตแห้งที่ไม่ต้องการการดูแล หรือ Maintenance Free Battery เพิ่มมากขึ้นถึง 60% และเป็นแบบแบตเตอรี่กึ่งแห้ง หรือ Hybrid Battery มีสัดส่วนเป็น 29% และแบตน้ำ หรือรุ่นดั้งเดิม Conventional Battery มีสัดส่วนประมาณ 11%" นายประกาสิทธิ์ กล่าวเสริม
"หัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของ ยีเอส แบตเตอรี่ คือการให้ความใส่ใจกับตัวแทนจำหน่าย และผู้บริโภค เรายังคงเดินหน้าปรับปรุงคุณภาพของสินค้า และการให้บริการ เพื่อตอบสนองกับความต้องการที่แท้จริงในตลาด มุ่งเน้นในการสื่อสารและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทฯ และพันธมิตรทางธุรกิจ และมุ่งเน้นความพึงพอใจสูงสุด บริษัทฯ มีแผนธุรกิจที่รองรับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน และจะรักษาคุณภาพสินค้ารวมไปถึงการให้บริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวไปข้างหน้า และคงความเป็นผู้นำของตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศไทย" นายประกาสิทธิ์ กล่าวในที่สุด
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายการตลาด 02-726-8070-72