ASA ประกาศความสำเร็จงาน ASA Real Estate Forum 2019 ฉายภาพโรดแมปพัฒนาไทยสู่เมืองอัจฉริยะ เมืองนวัตกรรมจากมุมมอง สุวัจน์ - อภิสิทธิ์

ศุกร์ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๐๑๙ ๑๑:๓๗
ปิดฉากสวยงามกับงานสัมมนาเพื่อคนวงการอสังหาฯ ASA Real Estate Forum 2019 ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด "Smart & Innovative Cities for all" เมืองอัจฉริยะ เมืองนวัตกรรม เมืองเพื่อทุกคน ที่ทางสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดขึ้น โดยงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลทรงคุณวุฒิ ได้แก่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นประธานเปิดงานและ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาร่วมปาฐกถาพิเศษของการพัฒนาเมืองสู่ Smart & & Innovative Cities

โดยภายในงาน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเป็นเป็นประธานเปิดงานและบรรยายพิเศษในหัวข้อ Thailand: Country of Opportunities & Equality โดยกล่าวถึง ภาพรวมของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยที่ค่อนข้างซบเซา จากผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจ ฉะนั้นไทยจะอยู่รอดได้ คือ การสร้างเมกะโปรเจกต์ และการมีพันธมิตร จะเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทย เพื่อสร้างความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งมองว่า ในช่วง 5 - 10 ปีที่ผ่านมาของประเทศไทย เป็นช่วงของการลงทุนเมกะโปรเจกต์ ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ดี ขยายผลสู่การลงทุน การท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ โดยเมกะโปรเจกต์ที่จะช่วยสร้างความเท่าเทียมได้ คือ โครงการอีอีซี ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยปัจจุบันอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เกิดความเปลี่ยนแปลงของ Disruptive technology ที่ต้องต่อยอดจากแผนพัฒนาเดิม สู่เป้าหมายอีอีซีใหม่ ด้วยการต่อยอดการลงทุนอุตสาหกรรม ของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ โลจิสติกส์ การศึกษา เทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการบิน เพื่อหลุดพ้นจากกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง ไปสู่ประเทศแห่งการพัฒนา

ปัจจุบันอีอีซีมีกฎหมายชัดเจนในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ ฉะเชิงเทราเป็นชุมชนเมืองใหม่ , แหลมฉบัง - ศรีราชา เป็นอุตสาหกรรมใหม่ , ระยองเป็นปิโตเคมี พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยว และมีการกำหนดผังเมืองเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยที่ผ่านมาได้มีการลงนามในสัญญารถไฟฟ้าความเร็วสูง 220 กม. กรุงเทพฯ - ระยอง รวมถึงแผนการพัฒนาสนามบินทั้ง 3 แห่ง คือ สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และการสร้างสนามบินอู่ตะเภา หากโครงการดังกล่าวสำเร็จตามแผน จะสามารถรองรับกับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นได้มากถึง 145 ล้านคนต่อปี พร้อมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่จะเข้ามาในประเทศ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง จะเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการพัฒนาเมืองในหลายพื้นที่ อย่างชุมชนเมืองใหม่ที่มีพื้นที่กว่า 15,000 ไร่ ให้สามารถรองรับการขยายตัวของกรุงเทพมหานคร นับว่าเป็นโอกาสของโครงการอีอีซีที่จะช่วยดึงดูดคนเข้ามาลงทุน และเกิดการจ้างงาน การสร้างอาชีพได้อย่างมหาศาล

ทั้งนี้ประเทศไทยจึงต้องสร้างรากฐานให้มั่นคงด้วยการใช้จุดแข็ง ทั้ง 2 ด้าน คือด้านการเกษตรและการท่องเที่ยว โดยนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาผนวกใช้ร่วมกัน เพื่อต่อยอดเป็นมูลค่าทางอุตสาหกรรม จากเกษตรกรไปสู่การเป็น Smart Farmer และใช้ประโยชน์จาก Disruptive technology เข้ามาช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่เมืองรอง พร้อมทั้งการเปิดใช้ 5G ในอนาคตอันใกล้ จะเข้ามาอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสาร การรับข้อมูล ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้คนชนบท สร้างความเสมอภาคให้เกิดขึ้นด้วยเทคโนโลยี

นอกจากนี้นายสุวัจน์ ยังกล่าวเสริมว่า สถาปนิกไทยต้องให้ความสำคัญกับ Universal Design เพราะในอนาคตสังคมไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงวัย ฉะนั้นรูปแบบของโครงสร้างเมือง การออกแบบอารยะสถาปัตย์ต้องคำนึงถึงการใช้งานของทุก ๆ คน และสร้างความเท่าเทียมต่อการดำรงชีวิตให้กับประชากรทุกกลุ่ม

ในด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายในหัวข้อ "อนาคตประเทศไทย อนาคตเมืองนวัตกรรมสำหรับทุกคน" โดยระบุว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี เป็นการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ทั้งระบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่ต้องมีการปรับให้เข้ากับสภาวะความเป็นจริงของการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่สำคัญคือโครงสร้างประชากร ที่กำลังไปสู่สังคมผู้สูงวัย และประชากรกลุ่มสังคมเมืองที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาเมืองให้กลายเป็นศูนย์กลางของระบบเศรษฐกิจ ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่

- เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์กับความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งในด้านของสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน

- การนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงใช้ในด้านของบริการสาธารณะ อาทิ ระบบขนส่งมวลชน บริการด้านการสื่อสาร และบริการจากสาธารณสุข

- การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงในด้านของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและประชาชน รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนที่เกี่ยวข้องกับกิจการของภาครัฐ

การสร้างเมืองอัจฉริยะ เมืองนวัตกรรม เมืองเพื่อทุกคน จะต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์อย่างถูกวิธี ซึ่งปัจจัยสำคัญของการผลักดันให้เกิดเมืองอัจฉริยะ 2 ปัจจัย คือ การจัดการข้อมูล Big data ที่เป็นหัวใจสำคัญ มาช่วยวางกรอบและกฎระเบียบในการเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมือง พร้อมทั้งคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิ และปัจจัยที่สอง คือการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ภาคเอกชน วิสาหกิจเพื่อสังคม ชุมชน และประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง ทั้งนี้ภาครัฐจะต้องเป็นผู้กำหนดข้อปฏิบัติในการใช้ข้อมูล พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ