มร. ฮิโรยูกิ ไซโตะ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด กล่าวว่า บริดจสโตนในฐานะผู้ผลิตยางรถยนต์ชั้นนำของโลก ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเยาวชนไทย โดยได้เริ่มก่อตั้ง ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ไทยบริดจสโตน ในปี 2003 และเริ่มจัดการประกวดนวัตกรรม Bridge 2 Inventor มาตั้งแต่ปี 2008 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2019 ซึ่งตลอดระยะเวลา 12 ปีที่จัดการประกวด ทำให้เห็นพัฒนาการด้านวิทยาศาสตร์และความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนไทยทุกๆ ปี และสะท้อนให้เห็นว่า เยาวชนไทยคือกำลังสำคัญของประเทศ บริดจสโตนจึงได้มุ่งมั่นเดินหน้าส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนไทย เพื่อก้าวไปเป็นกำลังสำคัญของการสร้างเมืองนวัตกรรม Smart City และประเทศไทย 4.0 ในอนาคต
"การที่ประเทศจะพัฒนาได้อย่างยั่งยืนนั้นส่วนสำคัญคือการพัฒนาคุณภาพของบุคลากรภายในประเทศ ให้สามารถรองรับการเติบโตของเมืองได้ในทุกมิติ บริดจสโตน จึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสานต่อโครงการ Bridge 2 Inventor 2019 มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการวางรากฐานความรู้ และส่งเสริมความสามารถของเยาวชนไทยให้สามารถเติบโตขึ้นเป็นกำลังหลักของประเทศที่จะพัฒนาเมืองสู่เมืองนวัตกรรม และนำไปสู่การพัฒนาประเทศสู่ Thailand 4.0 ที่จะสร้างความเจริญรุ่งเรือง และเสริมสร้างความเท่าเทียมของคนไทยทุกคน" มร. ฮิโรยูกิ กล่าว
การจัด Bridge 2 Inventor 2019 หรือ B2i ในปีนี้ เป็นการประกวดสิ่งประดิษฐ์จากคอมพิวเตอร์สมองกลในหัวข้อ "นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง : Innovation for Smart Mobility" เพื่อเสริมสร้างสังคมไทยไร้อุบัติเหตุ โดยมีแนวคิดมาจากการที่ประเทศไทยมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุในระดับสูง ซึ่งข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า อัตราการเสียชีวิตจากภัยบนท้องถนนของไทยในปี 2558 ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก และลดลงมาอยู่อันดับที่ 9 ในปี 2561 แต่ยังคงเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย และอาเซียน สะท้อนว่า สถานการณ์บนท้องถนนของไทยยังอยู่ในขั้นวิกฤต และในปีที่ผ่านมาไทยมีสถิติการเสียชีวิตบนท้องถนนอยู่ที่ 22,491 รายต่อปี หรือเฉลี่ยเสียชีวิต 60 รายต่อวัน ซึ่งการที่จะลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้นนั้นนอกจากวินัยจราจร การขับขี่ ความประมาทส่วนบุคคล ฯลฯ แล้ว หากมีนวัตกรรมที่จะสามารถช่วยบรรเทาการเกิดอุบัติเหตุได้ ก็จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุของไทยลดลงได้อีกทาง
สำหรับการจัดโครงการ Bridge 2 Inventor 2019 ในครั้งนี้มีนักเรียนจากทั่วประเทศให้ความสนใจและเข้าร่วมเป็นจำนวนมากโดยได้ปิดรับสมัครตั้งแต่ช่วงกลางปี 2019 หลังจากนั้นมีการจัด Bridge 2 Inventor Camp แก่ทีมผู้เข้าประกวด ณ บ้านวิทยาศาสตร์ สิรินธร จังหวัดปทุมธานี และที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก และได้จัด Bridge 2 Inventor Challenge รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างวันที่ 13 – 15 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งมีทีมผ่านเข้ารอบมาจำนวนทั้งสิ้น 40 ทีมจากทั่วประเทศ โดยรางวัลชนะเลิศได้แก่ โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร จังหวัดหนองคาย จากผลงาน ระบบความปลอดภัยรถยนต์อัจฉริยะ รับเงินรางวัลมูลค่า 40,000 บาท พร้อมทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี เมื่อเข้าศึกษา ณ มหาวิทยาลัยรัฐบาลในประเทศไทยรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนศรียาภัย จังหวัดชุมพร จากผลงาน SSS Helmet (หมวกกันน็อคอัจฉริยะ) รับเงินรางวัล มูลค่า 30,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียนสารวิทยา จังหวัดกรุงเทพมหานคร จากผลงาน Alarmulance รับเงินรางวัล มูลค่า 20,000 บาท รางวัลความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมได้แก่ โรงเรียนสตรีพัทลุง จังหวัดพัทลุง จากผลงาน Smart U-turn รับเงินรางวัล มูลค่า 10,000 บาท รางวัลนำเสนอยอดเยี่ยมได้แก่ โรงเรียนศรีตระกูลวิทยา จังหวัดศรีสะเกษ จากผลงาน กล่องตุ๊กตานำทาง รับเงินรางวัล มูลค่า 10,000 บาท รางวัลเทคนิคยอดเยี่ยมได้แก่ โรงเรียนเจากเชียงคำวิทยาคม จังหวัดพะเยา จังหวัด ผลงาน ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รถยนต์ Assistant Driver System รับเงินรางวัล มูลค่า 10,000 บาท
ด้านนายวราวิช กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ว่า กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายที่จะพัฒนาคุณภาพการศึกษาของไทยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ สร้างโอกาส และความเท่าเทียมทางสังคม รวมถึงการส่งเสริมให้เยาวชนที่จะเป็นกำลังหลักของประเทศในอนาคตนั้น มีองค์ความรู้ ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม ที่จะสามารถสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการ Bridge 2 Inventor นั้นถือได้ว่ามีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงฯ ด้านการส่งเสริมพัฒนาเยาวชนให้เติบโตเพื่อเป็นกำลังสำคัญที่จะนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามเป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการหล่อหลอมให้เยาวชนไทยเป็นบุคคลผู้เรียนรู้ ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม และตอบโจทย์ในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อสร้างคนดีและคนเก่ง ซึ่งต้องขอบคุณคณะผู้จัดงาน มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยนเรศวร และบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด ที่จัดโครงการดีๆ แบบนี้เพื่อร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต
เกี่ยวกับ บริดจสโตน
บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น มีสำนักงานใหญ่ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นบริษัทผลิตยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยางที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากการผลิตยางรถยนต์สำหรับการนำไปใช้ที่หลากหลายกว้างขวางแล้ว ยังผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่หลากหลายครอบคลุมในวงกว้างซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ยางอุตสาหกรรมและเคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์กีฬา ผลิตภัณฑ์ของบริดจสโตน มีจำหน่ายมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย บริดจสโตนประสบสำเร็จในการเป็นผู้นำทางการตลาดยางรถยนต์ในประเทศตลอดกว่า 50 ปี นับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการในปี พ.ศ. 2512 โดยมีแนวทางการทำงาน คือ มุ่งมั่น ริเริ่ม สร้างสรรค์ คิดค้น วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกๆด้านให้ดีที่สุดและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในประเทศ ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การนำเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในกระบวนการผลิต การตรวจสอบควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน นอกจากนี้บริดจสโตนยังส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสังคมให้สอดคล้องกับปรัชญาที่ยึดมั่นเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลกว่า "รับใช้สังคม ด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า" (Serving Society with Superior Quality)