นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานงานแถลงข่าว "โครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป" จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเร่งผลักดันการส่งออก เน้นการเจรจาเชิงรุกและทำตลาดแบบกลยุทธ์ จัดประเดิมจากกลุ่มพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าว สินค้านวัตกรรมจากผลไม้ และผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ (BIOPLASTIC) โดยดึงผู้นำเข้า ผู้ซื้อ และตัวแทนจำหน่ายจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก อาทิ ตะวันออกกลาง สหภาพยุโรป อเมริกา แอฟริกา และเอเชีย ร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจกับผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทย รวมจำนวนกว่า 540 ราย พร้อมตั้งเป้าสร้างมูลค่าการเจรจาซื้อขายได้สูงถึง 2,800 ล้านบาท
สินค้ายางพารา มันสำปะหลัง และข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ทำให้ภาครัฐเร่งส่งเสริมและผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที่ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้รับมอบหมายจากกระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดการส่งออกสินค้าและบริการ เน้นรักษาตลาดเดิม ฟื้นฟูตลาดเก่า และเปิดตลาดใหม่ให้กับสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปที่เป็นสินค้าหลักสำคัญของประเทศไทย
โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมทรัพย์สินทางปัญญา และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย สมาคมยางพาราไทย สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัด "โครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป" เพื่อผลักดันยุทธศาสตร์ด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ และด้านการเร่งรัดทำตลาดเชิงกลยุทธ์ให้เกิดผลสัมฤทธิ์รวดเร็ว รวมทั้งเพิ่มมูลค่าและขยายส่วนแบ่งตลาดส่งออกของไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
กิจกรรมหลักของโครงการฯ ประกอบด้วย กิจกรรมเจรจาการค้าซึ่งเป็นการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูป ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าว และสินค้าเกษตรอื่นๆ รวมทั้งสินค้านวัตกรรมที่ทำจากผลไม้ และผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ (BIOPLASTIC) กับผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกที่มีการนำเข้าสินค้าดังกล่าว อาทิ ตะวันออกกลาง สหภาพยุโรป อเมริกา แอฟริกา และเอเชีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้เกิดการเร่งระบายสินค้า และเสริมสร้างโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือทางการค้ากับต่างประเทศที่มีศักยภาพ ควบคู่ไปกับการจัดการประชุมเตรียมความพร้อมผู้ผลิตและผู้ประกอบการส่งออก การเยี่ยมชมสถานประกอบการ และการจัดนิทรรศการสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูป พร้อมกิจกรรมสาธิตสินค้า เพื่อแสดงศักยภาพของประเทศไทย ในการเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพเป็นที่ยอมรับและได้มาตรฐานส่งออก รวมทั้งแสดงความก้าวหน้าของไทยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป สินค้านวัตกรรมที่ทำจากผลไม้ และผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ (BIOPLASTIC) พร้อมด้วยการลงนามความตกลงทางการค้า (MOU) 8 ฉบับ มูลค่ามากกว่า 100,000 ตัน ระหว่างผู้ส่งออกไทยกับคู่ค้าจากต่างประเทศ
สำหรับกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้า กำหนดจัดขึ้นในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ พร้อมเยี่ยมชมสถานประกอบการที่มีศักยภาพ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพระดับมาตรฐานสากล ในวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2562
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศคาดว่ากิจกรรมครั้งนี้ จะมีผู้ผลิตและผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูป ของไทยเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาธุรกิจประมาณ 200 ราย และมีผู้นำเข้าที่ได้ให้ทูตพาณิชย์เชิญมาจากทุกภูมิภาคทั่วโลกกว่า 180 บริษัท จากทั้งจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประเทศต่างๆ ในอาเซียน ตะวันออกกลาง สหภาพยุโรป อเมริกา และแอฟริกา ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้ตั้งเป้ามูลค่าการเจรจาซื้อขายที่จะเกิดจากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ไว้ประมาณ 2,800 ล้านบาท