นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่าง ๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่ง พลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า "SMPC" รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจปี 2563 คาดว่าจะดีกว่าปีนี้ โดยเฉพาะในตลาดแอฟริกาใต้ และตลาดสหรัฐอเมริกาจะเติบโตขึ้นได้อีกมากจากปีนี้ ผลจาก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้บริษัทได้อานิสงส์บวกมีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดบริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ 3 รายในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งจะหนุนสัดส่วนรายได้ตลาดสหรัฐฯโตได้อีกมากจากปีนี้ โดยสัดส่วนรายได้ 9 เดือนปีนี้ในตลาดอเมริกาเหนืออยู่ที่ราว 24%
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤตสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และค่าเงินบาทที่แข็งค่า บริษัทฯจึงใช้โอกาสนี้ขยายการลงทุนไปต่างประเทศ โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัท มีมติให้จัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศ เพื่อรองรับการขยายการลงทุนต่อในกิจการต่างประเทศ และเป็นการขยายฐานลูกค้า สร้างโอกาสเติบโตให้บริษัท ตอนนี้เรามองหาประเทศใหม่ๆที่จะเป็นฐานการขยายกำลังการผลิต เพื่อประโยชน์ในด้านลดต้นทุนการผลิต การจัดส่งสินค้า รวมถึงประโยชน์ในด้านภาษี จากกรณีบางประเทศใช้มาตรการกำแพงภาษีที่สูงมาก เพื่อปกป้องผู้ผลิตในประเทศ
ด้านความคืบหน้าการลงทุนในต่างประเทศเพื่อก่อสร้างโรงงานใหม่กำลังการผลิต 2.5 ล้านใบต่อปี มูลค่าการลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ขณะนี้มีความชัดเจนค่อนข้างมาก มีการเจรจาในเรื่องโครงสร้าง โดยคาดว่า SMPC น่าจะเป็นผู้ถือหุ้นหลัก คาดจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ทั้งนี้ในการเข้าไปตั้งโรงงานผลิตในประเทศนั้น บริษัทมองว่าจะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่งสินค้า สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ใกล้ชิดขึ้น รวมถึงอาจได้ประโยชน์ทางภาษีมากกว่าที่จะส่งออกเข้าไปยังประเทศนั้น เพราะบางประเทศมีกำแพงภาษีที่สูงมาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นฐานในการผลิตสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าในแถบประเทศนั้นได้
นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายตลาดภูมิภาคใหม่ ๆ เช่น ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และล่าสุดบริษัทมีเป้าหมายส่งถังแก๊สขนาดใหญ่ไปขายที่ประเทศแถบเอเชียใต้ และประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนจากถังขนาดเล็ก มาเป็นถังขนาดใหญ่ขนาด 250 กิโลกรัม เป็นโอกาสของบริษัทในการขยายตลาดและทำกำไรเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการประมูลงานประเทศแถบอเมริกาใต้
"ปีหน้าบริษัทวางงบลงทุนไว้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งยังปรับพื้นที่ในการจัดส่งและพื้นที่จัดเก็บสินค้า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดส่งมากขึ้น นอกจากนี้ยังปรับปรุงเครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น เพื่อลดของเสีย ลดเวลาในการทำงานและทดแทนแรงงานที่หายากขึ้นในอนาคต" นายสุรศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลกระทบต่อบริษัทบ้างในฐานะผู้ส่งออก แต่บริษัทได้มีการป้องกันความเสี่ยงด้วยการ Natural Hedging หรือพิจารณาซื้อ Forward ตามความจำเป็นและเหมาะสม นอกจากนี้ด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น จะทำให้เกิด Economy of Scale ช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้
บริษัทมีเป้าหมายอัตราเติบโตที่ประมาณ 10-15% ต่อปี ตามอุตสาหกรรม LPG ที่จะมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4-6% จากความต้องการใช้อุตสาหกรรมและครัวเรือน ขณะเดียวกันบริษัทฯ มองว่าในอนาคตภูมิภาคเอเชียใต้ และประเทศในทวีปแอฟริกา ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยมีการรณรงค์ให้หันมาใช้แก๊สแทนการใช้เชื้อเพลิงแบบเดิมมากขึ้น เนื่องจากเป็นพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ข้อมูลบริษัท
บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัทและเริ่มประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ ในปี 2524โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า "SMPC" และเครื่องหมายการค้าของลูกค้า (กลุ่มบริษัทค้าน้ำมันและเชื้อเพลิง) โดยถังแก๊สของบริษัทฯ ได้รับการออกแบบให้ได้ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทั้งของประเทศไทย (Thai Industrial Standard – TIS) และต่างประเทศทั่วโลก เช่น มาตรฐานสากล (ISO), มาตรฐานประเทศสหรัฐอเมริกา (DOT), มาตรฐานประเทศออสเตรเลีย (AS), มาตรฐานประเทศอังกฤษ (BS), มาตรฐานสหภาพยุโรป (EN) และ มาตรฐานตามระเบียบของสหภาพยุโรป (TPED) เป็นต้น ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ แบ่งออกตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ดังนี้ 1.ถังแก๊สปิโตรเลียมเหลวสำหรับหุงต้ม 2. ถังแก๊สปิโตรเลียมเหลวสำหรับรถยนต์ และ 3.ถังอื่นๆ เช่น ถังเมททิวโบรมายล์ ถังสำหรับบรรจุสารทำความเย็น ถังคลอรีน/แอมโมเนีย และถังเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เป็นต้น