ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เทศกาลคริสต์มาสปีนี้เซ็นทรัลเวิลด์ขอตอกย้ำการเป็นแลนด์มาร์คอันดับ 1 ของประเทศในช่วงเทศกาลแห่งความสุขของลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี เพราะด้วยพื้นที่ที่เราใช้บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าขนาดใหญ่กว่าปีที่ผ่านๆ มา และมีมุมถ่ายรูปมากที่สุดเท่าที่เคยจัดมา มีโซนถ่ายรูปกับต้นคริสต์มาสยักษ์ สูงกว่า 35 เมตร ประดับด้วยไฟกว่า 2 ล้านดวง, ซานตาคลอสสูง 5 เมตร และ บ่อน้ำพุแห่งความโชคดี (PANDORA Magical Fountain) พร้อมการตกแต่งไฟประดับสุดยิ่งใหญ่ใจกลางกรุงเทพ "Spectacular World-class Light Illuminations" มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับการผสมผสาน Light & Sound ด้วยเทคนิคระดับโลกเข้ากับจอ the panOramix จอดิจิทัลอินเตอร์แอ็คทีฟสุดยิ่งใหญ่ที่เดียวในโลก รวมพื้นที่โชว์กว่า 4,000 ตารางเมตร โดยจะเริ่มโชว์ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ในช่วงเวลา 18.00 – 23.00 น. ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 62 – 6 ม.ค. 63 เท่านั้น
สัมผัสบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสกับขบวนนัทแครกเกอร์ (Nutcracker) ที่จะมาสร้างสีสันและกิจกรรมแสนสนุก ร่วมถ่ายรูปกับซานต้าคลอสตามแบบฉบับคริสต์มาสขนานแท้ และร่วมชมการประกวดร้องเพลง Christmas carol singing contest จากโรงเรียนชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ และที่ขาดไม่ได้คือคริสต์มาสมาร์เก็ต "Winter Marche" ที่ละลานตาไปกับการเลือกของขวัญมากกว่า 10,000 รายการจากร้านค้าแบรนด์ดัง และ พร้อมด้วยสินค้าสุดพิเศษมากมาย จากร้านค้าในเครือฯ ไม่ว่าจะเป็นของตกแต่งบ้าน, Wine & Chocolate, ขนมของหวาน, ตุ๊กตาและของขวัญต่างๆ จาก Baan & Beyond, Zen และร้านค้าแบรนด์ดัง อาทิ Uniqlo, Cath Kidston, Collective, KIS Beauty, Studio 360, Shuter Life, Erb, Duc de Praslin Belgium, JD Central, Pandora, Ake Lifestyle, ไวน์ และ ช็อกโกแลต มากมาย พร้อมทั้งสินค้าสุด Exclusive เฉพาะร้านค้าที่ centralwOrld อาทิ ATMOS, Carnival, Tommy Jeans, Topshop, Adidas, Pandora, Swatch, Coach, Champion, MLB เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อสินค้าเพื่อเป็นของขวัญพิเศษสำหรับคนพิเศษ ในช่วงเวลาสุดพิเศษของปีนี้ และ เต็มอิ่มไปกับ Winter Fest บริเวณลานด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เลือกซื้อของขวัญ ของที่ระลึก อาหาร และ สินค้าที่น่าสนใจอื่น ๆ ในบรรยากาศคริสต์มาส
พลาดไม่ได้ กับจุดถ่ายรูปจาก แพนดอร่า (PANDORA) เครื่องประดับและจิวเวลรี่แบรนด์ดังจากเดนมาร์ก ที่เนรมิต "บ่อน้ำพุแห่งความโชคดี" (PANDORA Magical Fountain) ขนาดใหญ่กว่า 10 เมตรไว้ที่ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ประดับด้วยดวงไฟคริสตัลสีขาวสลับเงิน งามระยิบระยับ ดั่งแสงจากดวงดาวสะท้อนไปทั่วท้องฟ้ากาแล็กซี่ ตัดกับแสงจันทร์ในยามค่ำคืน พร้อมโชว์สินค้าคอลเล็คชั่นใหม่ประจำซีซั่นนี้ ได้แก่ Christmas Carousal, Moon & Night Sky, Ginger Bread House และ Santa in the Gift Box
สำหรับการตกแต่งสถานที่ เราใช้ธีม "The Santa Kingdom and The Quest of Star ราชาซานต้ากับภารกิจพิชิตดวงดาว" โดยมีคาแรคเตอร์ซานต้าและผองเพื่อนที่ออกแบบโดยศิลปินระดับโลก "ฮาวิเย่ กอนซาเลซ บูรโกส" มาบอกเล่าเรื่องราวคริสต์มาสสนุกๆ ในแบบฉบับของเซ็นทรัลเวิลด์ ใช้สัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาส ไม่ว่าจะเป็น ซานตาคลอส, กวางเรนเดียร์, กล่องของขวัญ, ตุ๊กตาหิมะ สร้างบรรยากาศแห่งความสุข หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทย สมกับเป็นแลนด์มาร์คแห่งความสุขของประเทศที่ทุกคนต้องมา
"ทุกปีซานต้าราชาผู้ปกครอง The Santa Kingdom จะต้องประกอบพิธีทำดวงดาว สัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นเทศกาลแห่งความสุข มาประดับที่ยอดต้นคริสต์มาสประจำอาณาจักร แต่ในปีนี้ ดวงดาวนั้นกลับหายไปในค่ำคืนก่อนคริสต์มาส ทำให้ "นิโคลัส" ราชาซานต้าหนุ่มที่ขึ้นครองราชย์แทนพ่อ จึงต้องออกเดินทางค้นหาดวงดาว โดยได้รับความช่วยเหลือจากผองเพื่อน นำทีมโดย จิงเกิ้ล (Jingle) เรนเดียร์หนุ่มผู้มีความกล้าหาญ ทรนงและเด็ดเดี่ยว โพลาร์ (Polar) หมีขาวสายแฟชั่น ผู้เติมเต็มความสดใสให้กับเพื่อนๆ สโนวี่ (Snowy) สโนว์แมนสายกิน ผู้ถือคติ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไมท์ตี้ (Mighty) หนูนักดนตรีผู้ร่าเริง คอยสร้างความสนุกสนานให้กับเพื่อนๆ โดยภารกิจพิชิตดวงดาวครั้งนี้ พวกเขาต้องออกผจญภัยทั่วอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็น บ่อน้ำพุแห่งความโชคดี (PANDORA Magical Fountain), The Mystic Forest (ป่าสนลึกลับ), The Market Park (ตลาดกลางเมือง), The Santa Castle (ปราสาทซานต้า) เพื่อนำดวงดาวกลับคืนสู่ต้นคริสต์มาสได้ทันเวลา และนำความสุขให้กับทุกคน"