นพ.สุรสิทธิ์ อัศดามงคล ประธานกรรมการบริหาร รพ.บางมด ได้กล่าวถึงภาพรวมของศัลยกรรมในประเทศว่า "ปัจจุบันประเทศไทยถูกยกให้เป็นศูนย์กลางด้านความงามอันดับที่ 3 ของเอเชีย ซึ่งจากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเทศไทยสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่เข้ามาใช้บริการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและความงามกว่า 26,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักเดินทางเข้ามาเพื่อรักษาโรคเฉพาะทาง, ตรวจสุขภาพ, รับบริการด้านการชะลอวัย และศัลยกรรมความงาม เนื่องจากบริการเหล่านี้ในไทยมีชื่อเสียงและมาตรฐานใกล้เคียงโรงพยาบาลในยุโรป
นอกจากนี้ โรงพยาบาล คลินิก และสถานเสริมความงามต่างๆ ก็มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งเหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งมาจากค่านิยมที่เปิดรับการทำศัลยกรรมและความงามมากขึ้นจากทั่วโลก ส่งผลให้ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแพทย์นานาชาติ (Medical Hub) โดยจัดเป็น 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรมในอนาคต (New S Curve)
สำหรับในปี 2563 ทางโรงพยาบาลมีแผนจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์ศัลยกรรมความงามแบบครบวงจรระดับเอเชีย บนพื้นที่ถนนพระราม 2 ขนาด 12 ชั้น มาตรฐาน JCI (Joint Commission International Accreditation) ประกอบด้วยศูนย์ศัลยกรรมความงาม, Wellness Center, ศูนย์ทันตกรรมความงาม, ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก (IVF), ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย, ศูนย์การแพทย์เฉพาะด้านสเต็มเซลล์ ซึ่งในแต่ละศูนย์ก็จะมีเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีอันทันสมัยมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การขยายฐานกลุ่มไฮเอนด์และชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งประเทศไทยมีจำนวนสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI มากเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาค AEC และเป็นอันดับ 4 ของโลก"
ทางด้านภาพรวมของศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจจะถดถอย แต่อัตราการเติบโตของรายได้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยศัลยกรรม 3 อันดับแรกที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ศัลยกรรมดึงหน้า Modern Facelift, ศัลยกรรมตา และศัลยกรรมเสริมหน้าอก ซึ่งคาดว่าในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้ จะสามารถทำรายได้เป็นไปตามเป้าที่มีการวางไว้ เนื่องจากจุดแข็งทางด้านแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมากด้วยประสบการณ์ รวมถึง เทคนิคการผ่าตัดเฉพาะทาง "Bangmod Technique" ที่มีความแตกต่าง ทำให้เกิดความประทับใจและบอกต่อ
ปัจจุบันภาพรวมมูลค่าตลาดศัลยกรรมยังคงมีแนวโน้มขยายตัว และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีประมาณ 20% โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2559 ตลาดศัลยกรรมมีมูลค่าเม็ดเงินในตลาดสูงถึง 30,000 ล้านบาท หลังจากนั้น ในปี 2560 เม็ดเงินที่หมุนเวียนในตลาดศัลยกรรม เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36,000 ล้านบาท และในปี 2561 ที่ผ่านมา อัตราเติบโตของมูลค่าตลาดศัลยกรรมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าของเม็ดเงินในตลาดศัลยกรรมเกิดจากสัดส่วนศัลยกรรมจากโรงพยาบาล 70% และอีก 30% จากคลินิกเสริมความงาม