'มิชลิน’ และ 'โฟเรอเซีย’ จัดตั้งบริษัทร่วมทุนอย่างเป็นทางการ มุ่งก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลกด้านการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจน

พุธ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๐๑๙ ๐๘:๐๖
มิชลิน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และการสัญจรอย่างยั่งยืน และ โฟเรอเซีย (Faurecia) ผู้นำทางเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นร่วมกันอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ ซิมบิโอ, อะ โฟเรอเซีย มิชลิน ไฮโดรเจน คอมพานี (Symbio, A Faurecia Michelin Hydrogen Company) โดยบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ผสานกิจกรรมการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเซลล์เชื้อเพลิงของทั้งมิชลินและโฟเรอเซียเข้าด้วยกัน เพื่อมุ่งก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลกด้านการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจน

บริษัทร่วมทุนดังกล่าวจัดตั้งขึ้นท่ามกลางระบบนิเวศเฉพาะ โดยมุ่งพัฒนา ผลิต และทำตลาดเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับยานยนต์ขนาดเล็ก ยานยนต์และรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ ตลอดจนเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electromobility)

บริษัทร่วมทุนบนฐานทักษะความชำนาญเฉพาะด้าน

การดำเนินงานที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันระหว่างมิชลินและโฟเรอเซียส่งผลให้สามารถนำเสนอระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเพื่อการสัญจรได้ครอบคลุมทุกรูปแบบอย่างสมบูรณ์ โดยโฟเรอเซียสนับสนุนความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจน ตลอดจนผลงานการวิจัยและพัฒนาที่ได้จัดทำร่วมกับคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูแห่งประเทศฝรั่งเศส (French Atomic Energy Commission: CEA) ขณะที่มิชลินสนับสนุนทักษะความชำนาญผ่านซิมบิโอซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ดำเนินกิจการผลิตและจัดส่งชุดเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ให้บริการต่างๆ รวมทั้งรับงานออกแบบและผลิตหลายรูปแบบ

มุ่งสู่เป้าหมายระดับโลก

ในเบื้องต้น มิชลินและโฟเรอเซียจะทุ่มงบลงทุน 140 ล้านยูโรในบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ เพื่อเร่งให้เกิดการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงเจเนอเรชั่นใหม่ การผลิตสินค้าในปริมาณมาก ตลอดจนการขยายธุรกิจในยุโรป ประเทศจีน และสหรัฐอเมริกา ซิมบิโอ, อะ โฟเรอเซีย มิชลิน ไฮโดรเจน คอมพานี ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 25 และสร้างผลประกอบการให้ได้ถึงราว 1.5 พันล้านยูโร ภายในปี 2573 เมื่อพัฒนาเต็มศักยภาพ บริษัทร่วมทุนแห่งนี้จะมีพื้นที่ปฏิบัติการทางอุตสาหกรรมรวม 3 แห่ง ทำหน้าที่จัดส่งสินค้าไปยังตลาดยานยนต์หลักๆ ทั่วโลก ได้แก่ ยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา

ความต้องการเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงปีนี้ถึงปี 2573 โดยมีจำนวนยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจนอยู่ที่ 2 ล้านคัน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นรถบรรทุก 350,000 คัน เนื่องจากเทคโนโลยีไฮโดรเจนเป็นโซลูชั่นเพื่อการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Solution) เพียงประการเดียวที่ส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery-Powered Electric Cars) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเร่งให้เกิดการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าไปใช้งานจริง และต่อการรับมือกับประเด็นท้าทายหลัก 3 ประการ ได้แก่ การปรับปรุงคุณภาพอากาศ การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

การกำกับดูแลร่วมกันแบบผู้เชี่ยวชาญ

ซิมบิโอ, อะ โฟเรอเซีย มิชลิน ไฮโดรเจน คอมพานี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนเท่ากันระหว่างมิชลินและโฟเรอเซีย มีการกำกับดูแลกิจการโดยทีมผู้บริหารของมิชลิน โฟเรอเซีย และซิมบิโอ ซึ่งมีประสบการณ์คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์และการบริหารธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ โดยมี ฟาบิโอ เฟอร์รารี (Fabio Ferrari) ดำรงตำแหน่ง "ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร" และ กีโยม ซัลโว (Guillaume Salvo) อดีตผู้อำนวยการสายผลิตภัณฑ์สำหรับยานยนต์ขนาดเล็กของโฟเรอเซีย ดำรงตำแหน่ง "ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ"

ฟลอรองต์ เมอเนโกซ์ (Florent Menegaux) ประธานกลุ่มมิชลิน กล่าวว่า "การพัฒนาการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจนเป็นเสมือนภาพสะท้อนเป้าหมายทางการเติบโตของมิชลิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวัสดุไฮเทค อีกทั้งกลยุทธ์นี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นในเรื่องการสัญจรที่สามารถเข้าถึงได้ในวงกว้างและยั่งยืนยิ่งกว่า การประสานพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับผู้มีบทบาทรายหลักอย่างโฟเรอเซียในวันนี้ถือว่าตอบโจทย์เป้าหมายทั้งสองเรื่องของเราได้อย่างตรงจุด"

ด้าน แพทริก โคลเลอร์ (Patrick Koller) ประธานกรรมการบริหารของโฟเรอเซีย เปิดเผยว่า "การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นอย่างเป็นทางการร่วมกับมิชลินเป็นอีกก้าวที่สำคัญทางกลยุทธ์ของโฟเรอเซียซึ่งมุ่งสู่ความเป็นผู้นำระดับโลกด้านระบบไฮโดรเจน ความเชี่ยวชาญและโมเดลธุรกิจของโฟเรอเซียและมิชลินซึ่งเกื้อหนุนกันและกันในบริบทของระบบนิเวศเชิงสร้างสรรค์จะเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยให้เราสามารถตอบสนองลูกค้าและผู้บริโภคที่ต้องการเห็นเทคโนโลยีที่ปลอดมลพิษ (Zero Emission Technologies) ในราคาที่เอื้อมถึงออกวางตลาดในเวลาอันรวดเร็ว"

ฟาบิโอ เฟอร์รารี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ซิมบิโอ, อะ โฟเรอเซีย มิชลิน ไฮโดรเจน คอมพานี กล่าวเสริมว่า "เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วที่ผมร่วมก่อตั้งโครงการซิมบิโอขึ้นเพื่อสร้างโลกที่อิสระในการสัญจรมาพร้อมกับการปลอดมลพิษ การต่อยอดจัดตั้งบริษัทร่วมทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าทั้งมิชลินและโฟเรอเซียต่างมีวิสัยทัศน์สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน...จึงเป็นการร่วมกันขับเคลื่อนสู่อนาคตอย่างทรงพลังที่สุด"

ในโอกาสนี้ ซิมบิโอ, อะ โฟเรอเซีย มิชลิน ไฮโดรเจน คอมพานี ได้ปรับอัตลักษณ์ด้านภาพ (Visual Identity) ด้วยการออกแบบโลโก้ (Logo) และสร้างสรรค์เอกลักษณ์เฉพาะตัว (Signature) รูปแบบใหม่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของผู้ถือหุ้นที่ต้องการรักษาอัตลักษณ์องค์กรและต่อยอดแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายอยู่แล้วในกลุ่มผู้มีบทบาทด้านการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจน

เกี่ยวกับมิชลิน

มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิตอล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็องประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 125,000 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิตยาง 67 แห่ง ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 190 ล้านเส้นในปี 2561 คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th

เกี่ยวกับ โฟเรอเซีย

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2540 โฟเรอเซีย (Faurecia) ได้เติบโตจนกลายเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก โดยมีพื้นที่ปฏิบัติงานราว 300 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้ 35 แห่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนา ทั้งยังมีพนักงาน 115,000 คนใน 37 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน โฟเรอเซีย เป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจ 3 ด้าน ได้แก่ การผลิตที่นั่งในยานยนต์ (Seating), การตกแต่งภายในยานยนต์ (Interiors) และการสัญจรที่สะอาด (Clean Mobility) โดยมีกลยุทธ์ทางเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการนำเสนอโซลูชั่นเพื่อสร้างสรรค์ "วิถีชีวิตอัจฉริยะ" (Smart Life on Board) และ "การสัญจรอย่างยั่งยืน" (Sustainable Mobility) ในปี 2561 กลุ่มโฟเรอเซีย มียอดขายอยู่ที่ 17.5 พันล้านยูโร อนึ่ง โฟเรอเซีย จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยูโรเน็กซ์-ปารีส (Euronext Paris) และเป็นหนึ่งในรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี CAC Next 20 คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.faurecia.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ