ดังนั้น หน่วยบริการพยาบาลผู้ป่วยที่บ้าน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงริเริ่มโครงการพยาบาลเยี่ยมบ้านขึ้น เพื่อติดตามให้คำแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพแก่ผู้ป่วยและญาติที่บ้าน ซึ่งโครงการอิ่มบุญ กับผ้าอ้อมผู้ใหญ่เซอร์เทนตี้ ปีที่ 7 ได้เข้าร่วมสนับสนุนโครงการฯ แนะนำเทคนิคการใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่ถูกต้อง เพื่อความสบายตัวของผู้ป่วย พร้อมมอบผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่เซอร์เทนตี้ เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
น.ส. พรภัทร จิรเรืองปัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อมผู้ใหญ่เซอร์เทนตี้ (Certainty) กล่าวว่า เซอร์เทนตี้ให้ความสำคัญกับการเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเหลือสังคมไทย และดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะด้านสุขอนามัย ดังนั้น โครงการอิ่มบุญ กับผ้าอ้อมผู้ใหญ่เซอร์เทนตี้ ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา จึงมอบเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จำนวน 1 ล้านบาทให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ส่วนในปีนี้ที่ประเทศไทยเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวัยที่ต้องได้รับการดูแลในทุกด้านโดยเฉพาะเรื่องของสุขอนามัย โครงการอิ่มบุญ กับผ้าอ้อมผู้ใหญ่เซอร์เทนตี้ ปีที่ 7 มีแนวคิดที่จะสนับสนุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ เช่นเดิม โดยมอบเงินสมทบทุนให้กับโครงการเพื่อผู้ป่วยสูงอายุยากไร้ เป็นโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ที่ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนเกินสิทธิค่ารักษาพยาบาลได้ ให้ได้รับโอกาส เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสนับสนุนผ้าอ้อมผู้ใหญ่เซอร์เทนตี้ให้กับโครงการพยาบาลเยี่ยมบ้านอีกด้วย
ด้านนางสินีนุช ขำดี หัวหน้าหน่วยบริการพยาบาลผู้ป่วยที่บ้าน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า หน่วยบริการพยาบาลผู้ป่วยที่บ้าน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2517 จนถึงปัจจุบัน เพื่อเยี่ยมผู้ป่วยที่กลับไปดูแลตนเองต่อที่บ้าน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยติดเตียงที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยก่อนผู้ป่วยกลับบ้าน พยาบาลจะมีการสอนและฝึกทักษะวิธีการดูแลต่างๆ ให้กับบุคคลในครอบครัว เช่น การให้อาหารทางสายยาง การทำแผล การดูดเสมหะ การให้ออกซิเจนที่บ้าน รวมทั้งการดูแลสุขอนามัยระบบขับถ่าย เป็นต้น
ทั้งนี้หน้าที่ของพยาบาลเยี่ยมบ้านจะประเมินผู้ป่วยและครอบครัวในการดูแลตนเองที่บ้าน พร้อมทั้งให้คำแนะนำและจัดการสิ่งแวดล้อมให้เอื้ออำนวยสำหรับการดูแลผู้ป่วย รวมถึงเปิดโอกาส
ให้ครอบครัวได้แสดงความคิดเห็น และปรึกษาปัญหาต่างๆ ในการดูแลผู้ป่วย ขณะนี้มีผู้ป่วยในโครงการกว่า 300 คนโดยจะดำเนินการออกตรวจเยี่ยมเดือนละประมาณ 100 ครั้ง
ผู้ป่วยส่วนหนึ่งที่หน่วยฯ ออกตรวจเยี่ยมจะเป็นผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งการดูแลไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเน้นทักษะการดูแลเรื่องความสะอาด และถูกต้องตามแผนการรักษา โดยเฉพาะการดูแลด้านสุขอนามัย เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย ครอบครัวควรฝึกสังเกตพฤติกรรมผู้ป่วยว่าต้องการสิ่งใด เช่น รู้สึกเมื่อยต้องการพลิกตัว หิวน้ำหรือคันที่ผิวหนัง ต้องการทำความสะอาดแต่ทำเองไม่ได้ เป็นต้น
นางสินีนุช กล่าวต่อว่า การใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่เป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้สูงวัย โดยเฉพาะในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน เนื่องจากสะดวก ลดภาระหรือความยุ่งยากในการทำความสะอาดสิ่งสกปรกจากการขับถ่าย แต่หากคนในครอบครัวใส่ไม่ถูกวิธี อาจส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สบายตัว และปัสสาวะรั่วซึม ดังนั้นครอบครัวจึงควรเลือกใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้เหมาะสมกับขนาดและกิจกรรมของผู้ป่วย เช่น อ่านฉลากขนาดผ้าอ้อมให้เหมาะกับรอบเอวของผู้ป่วย เลือกใช้ผ้าอ้อมแบบสวมให้กับผู้ป่วยเพื่อทำกิจกรรมฟื้นฟูร่างกาย หรือใช้แผ่นรองซับเสริมสำหรับปูเตียงในผู้ป่วยติดเตียง ปรับระดับการใส่ผ้าอ้อมให้กระชับ เพื่อความสบายตัว ไม่รั่วซึม และที่สำคัญควรหมั่นเปลี่ยนผ้าอ้อมทุก 4 ชั่วโมงหรือทุกครั้งที่ขับถ่าย ทำความสะอาดผิวหนังพร้อมซับผิวให้แห้ง เพื่อป้องกันการเกิดแผลบริเวณผิวหนังและไม่โรยแป้งเพื่อป้องกันการสะสมเชื้อโรคในบริเวณที่อับชื้นและจุดซ่อนเร้น หากมีผื่นหรือแผล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้การรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป