นายกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Lead Underwriter) บริษัทโรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อย่อ IMH เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นไอพีโอของ IMH ในช่วงเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 18 - 20 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเกินกว่าที่คาดไว้ โดยสะท้อนได้จากยอดจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน ที่เกินกว่า 10%
ขณะเดียวกัน หุ้นIMH ได้มีการจัดสรรให้ 1.บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ จำนวน 35.71 ล้านหุ้น คิดเป็น 64.93% 2.นักลงทุนสถาบัน จำนวน 5.54 ล้านหุ้น คิดเป็น 10.07% 3. ผู้มีอุปการคุณของบริษัทและบริษัทย่อย จำนวน 8.25 ล้านหุ้น คิดเป็น 15% และ 4. กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือ พนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย จำนวน 5.5 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคต และพร้อมที่จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในหมวดธุรกิจบริการ ภายในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ พร้อมทั้งเชื่อว่า หุ้น IMH จะเป็นไอพีโอตัวสุดท้ายของปี2562 ที่เข้ามาสร้างสีสัน และสร้างความโดดเด่นในตลาดหุ้นส่งท้ายปีให้กับนักลงทุนด้วยเช่นเดียวกัน
ด้านดร.สิทธิวัตน์ กำกัดวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ (IMH) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯได้เม็ดเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ จำนวน 330 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในปรับปรุง และขยายสาขาใหม่ พร้อมทั้งการจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ของบริษัทและบริษัทย่อย อีกทั้งเพื่อใช้สำหรับการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวน IMH ตั้งเป้าหมายจะเป็นหุ้น Growth Stock อีกทางเลือกของนักลงทุน ซึ่งจากศักยภาพของธุรกิจ ยอมรับว่าที่มีความแตกต่างจากหุ้นผู้ประกอบการโรงพยาบาลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายอื่นๆ เพราะ IMH เป็นธุรกิจการให้บริการการแพทย์ต้นน้ำ ด้วยบริการตรวจสุขภาพเชิงรุกป้องกันก่อนเกิดโรคหรือโรคลุกลาม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนด้านการให้การตรวจสุขภาพเป็นสวัสดิการอีกอย่างหนึ่ง และพนักงานทุกคนต้องผ่านการตรวจเช็คสุขภาพ ก่อนที่จะเริ่มการปฏิบัติหน้าที่ ในหน่วยงานหรือองค์กรนั้นๆทุกครั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการการันตีการเข้าทำงาน โดยมองว่าการให้บริการในรูปแบบนี้เป็นเทรนด์ของธุรกิจที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งขณะนี้บริษัทฯสามารถรับตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ได้สูงสุดถึง 31 จุดบริการต่อวัน และมีสถิติตรวจสุขภาพได้สูงสุด 5,000 รายต่อวัน
ด้วยจุดแข็งที่เป็นโรงพยาบาลให้บริการแบบเชิงรุกนอกสถานที่ (Mobile Checkup) ด้านการตรวจสุขภาพมานาน 23 ปี จึงทำให้ IMH ให้บริการครอบคลุมลูกค้า หลายอุตสาหกรรม ทั่วประเทศ ที่มีประสบการณ์ในการให้บริการ โดยได้รับการการันตี จากฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และได้รับความไว้วางใจอย่างเสมอมา อาทิ Thai Union Group, Tesco Lotus, 7-11, PTTEP, KFC, Makro, Homepro, Mcdonald's, King Power, Thai Honda, Western Digital, Index Living, Betagro, TQM, PT group และ Gulf เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีฐานกลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วไปที่เข้ามารับการตรวจสุขภาพอีกด้วยเช่นกัน
สำหรับในส่วนของเฉพาะผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ซึ่ง IMH ได้ลงนามในสัญญาแบ่งส่วนรายได้การตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลที่เป็นสมาชิกประกันสังคม ในปัจจุบัน IMH มีฐานลูกค้าส่วนนี้ประมาณ 300,000 ราย จากตัวเลขผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในปี 2561 ในระบบเฉลี่ยประมาณ 11.30 ล้านราย ซึ่งจะเห็นได้ว่ายังมีโอกาสอีกสูงมากในอนาคตที่จะเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการในส่วนนี้จากปัจจุบัน จึงใช้แนวทางการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขยายช่องทางและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันหาลูกค้าเพิ่มขึ้นจากฐานผู้รับบริการที่ยังมีอีกจำนวนมหาศาล นอกนี้ยังมีบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ แอคคิวฟาส แล็บ เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งให้บริการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมมานาน 14 ปี เช่น การตรวจคุณภาพอากาศบริเวณสถานประกอบการ การตรวจวัดคุณภาพปล่องระบาย และการตรวจวัดคุณภาพน้ำที่อุปโภคและบริโภครวมถึงน้ำทิ้ง เป็นต้น
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ในเครือของบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ความสำเร็จ จากยอดจองซื้อหุ้น IMH ครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่ามีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจและเชื่อมั่นในธุรกิจประเภทโรงพยาบาล ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้นในกลุ่มที่ถูกแนะนำให้ลงทุนในช่วงที่ภาวะตลาดมีความผันผวน และ IMH มีฐานการให้บริการด้านการตรวจสุขภาพและธุรกิจการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการดำเนินธุรกิจใช้แนวทางบริหารรายได้เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของรายได้ตามฤดูกาลของธุรกิจตรวจสุขภาพประจำปี จึงทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตกระจายไปในธุรกิจบริการทางการแพทย์อื่นๆเพิ่มขึ้น โดยผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีย้อนหลังปี2559 – 2561 และงวด 9 เดือน ปี 2562 กลุ่มบริษัทฯมีรายได้รวม 285.51 ล้านบาท 273.20 ล้านบาท 320.25 ล้านบาท และ 237.32 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 37.58 ล้านบาท 14.85 ล้านบาท 14.06 ล้านบาท และ 6.72 ล้านบาท ตามลำดับ