การเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วง 2 เดือน (เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2562) ให้ได้มากกว่า 100,000 ล้านบาทก่อนสิ้นปี 2562 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสุดท้ายของปี 2562 และในปี 2563 ได้อย่างต่อเนื่อง สคร. ได้ดำเนินการเร่งรัดและติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด โดยร่วมกับรัฐวิสาหกิจและกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจเพื่อเร่งผลักดันและแก้ไขปัญหาที่จะทำให้การเบิกจ่ายงบลงทุนมีความล่าช้า ให้รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้าหมาย
นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2562 รัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจประมาณการเบิกจ่ายงบลงทุน ประมาณ 115,000 ล้านบาท ประกอบด้วยการลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ 15,400 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน 43,500 ล้านบาท และบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ 56,700 ล้านบาท โดยจากการติดตามข้อมูลผลการเบิกจ่ายงบลงทุนจากรัฐวิสาหกิจคาดว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนรวม 2 เดือน (เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2562) รัฐวิสาหกิจจะเบิกจ่ายได้ประมาณ 101,800 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 102 ของเป้าหมายที่ 100,000 ล้านบาท
สำหรับการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปี 2563 คณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เห็นชอบกรอบการลงทุนจำนวน 365,553 ล้านบาท โดยยังคงมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง
อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ระยะที่ 1 และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายต่างๆ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม - มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โครงการลงทุนโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และงานก่อสร้างปรับปรุงขยายเขตจำหน่ายน้ำ ของการประปาส่วนภูมิภาค
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจในการประชุมครั้งที่ 7/2562 ได้กำหนดแนวทางการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำกับติดตามให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการโครงการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และให้เร่งรัดการเบิกจ่ายของโครงการลงทุนมาดำเนินการให้เร็วขึ้น (Front - Loaded) สำหรับกรณีรัฐวิสาหกิจจะมีการปรับลดกรอบการลงทุน ให้ปรับลดได้เฉพาะโครงการที่หมดความจำเป็น หรือได้ดำเนินการ Front – Loaded มาแล้วเท่านั้น และให้รัฐวิสาหกิจเสนอโครงการลงทุนทดแทนด้วย
ทั้งนี้ สคร. จะติดตามการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจในปี 2563 ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นกว่าเดิม เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจต่อไป