เปิดมุมมองลงทุนหุ้นไทยปี 63 บล.ทิสโก้ชี้ไตรมาสแรกอาจจะเห็นดัชนีแตะ 1,600 จุด

ศุกร์ ๐๓ มกราคม ๒๐๒๐ ๑๑:๓๐
บล.ทิสโก้ชี้หุ้นไทยไตรมาส 1 สดใส เล็งเป้าดัชนีที่ 1,600 จุด ปัจจัยบวกเพียบ พร้อมแนะทุกการย่อตัวของดัชนีเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นปันผลในดัชนี SET HD เพิ่ม ส่วนระหว่างปี 2563 มีโอกาสขึ้นแตะ 1,700 จุด หลังราคาหุ้นยังถูก และคาดกำไรบจ. เติบโต 8%

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (Mr. Apichat Poobunjirdkul, Senior Strategist, TISCO Securities Co., Ltd) เปิดเผยว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทนประมาณ 24% ผลบวกจากธนาคารกลางสำคัญๆ กลับมาใช้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายเพื่อรองรับความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (MSCI DM Index) ให้ผลตอบแทน 25% ดีกว่าตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ (MSCI EM Index) ที่ให้ผลตอบแทน 15% แต่สำหรับตลาดหุ้นไทยกลับให้ผลตอบแทนเพียง 1% อยู่ในอันดับท้ายๆ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยหดตัวเป็นปีที่สองติดต่อกันและมากกว่าที่คาดไว้ ส่วนหนึ่งมาจากความผันผวนของราคาน้ำมันที่กดดันกำไรของหุ้นในกลุ่มพลังงาน กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งการตั้งสำรองพนักงานเกษียณอายุตามกฎหมายแรงงานฉบับใหม่ การปรับตัวเพื่อรองรับการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ และปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ

สำหรับในปี 2563 บล.ทิสโก้มีมุมมองตลาดหุ้นไทยแบบ "เชิงบวกอย่างระมัดระวัง" โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 1/2563 ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นและมีโอกาสทะลุ 1,600 จุดได้ จากปัจจัยบวกหลายประการ ประการแรก ปัจจัยกดดันต่างประเทศคลี่คลาย ทั้งประเด็นสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าเฟส 1 และกระบวนการ Brexit น่าจะราบรื่นเป็นผลดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2563 ประการที่สอง คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารสำคัญๆ ทั่วโลกจะอยู่ในระดับนี้ไปตลอดทั้งปี 2563 ประกอบกับธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มดำเนินมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ซึ่งนโยบายการเงินดังกล่าวเป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม

ประการที่สามแนวโน้มราคาน้ำมันน่าจะสูงขึ้นในระยะสั้น โดยคาดว่าราคาน้ำมันจะแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 3 เดือน หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มอีก 5 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาสที่ 1/2563 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนใน ไตรมาสที่ 4/2562 ต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 1/2563 ประการที่ 4 คาดว่างบประมาณประจำปี 2563 ของไทยจะมีผลบังคับใช้ปลายเดือน ม.ค. ซึ่งบล.ทิสโก้ประเมินว่าจะทำให้รัฐบาลมีเม็ดเงินงบประมาณในมือกว่า 2.2 แสนล้านบาทสำหรับการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประเด็นนี้น่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้

ประการสุดท้าย จากข้อมูลเชิงบวกทางสถิติ บ่งชี้ว่าไตรมาสที่ 1 ของทุกปีนับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 6.2% ในทุกๆ ปี เพราะนักลงทุนมักจะเข้าซื้อเพื่อหวังเงินปันผล และช่วงต้นปีนักลงทุนมักมองการเติบโตเศรษฐกิจ รวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียนในแง่บวกเสมอ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึง "Earning Yield Gap" ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งที่นิยมใช้วัดความน่าสนใจของตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร พบว่าอยู่ในระดับที่ไม่แพงที่ประมาณ 3.2-3.3% ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ยในระยะยาว และหากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในปี 2563 เป็นไปตามที่ บล.ทิสโก้คาดว่าจะเติบโต 8% แล้ว จะยิ่งทำให้ราคาหุ้นในอนาคตปรับเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ เมื่ออิงจากระดับ Earning Yield Gap ที่ค่าเฉลี่ย 3.2% ตามข้างต้นแล้ว บล.ทิสโก้จึงมองว่าในปี 2563 มีโอกาสที่หุ้นไทยจะปรับขึ้นไปแตะระดับ 1,700 จุดได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ (1) การเจรจาการค้าในเฟสถัดๆ ไป (2) การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลายปีนี้ (3) แนวโน้มที่เม็ดเงิน LTF เก่าๆ จะเริ่มทยอยไหลออก (4) พัฒนาการทางการเมือง และ (5) การใช้ 6 มาตรฐานบัญชีใหม่เริ่มวันที่ 1 ม.ค.

ด้วยเดือน ม.ค. เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการและจ่ายเงินปันผลประจำปี บล.ทิสโก้ยังชอบธีมหุ้นปันผลที่อยู่ในดัชนี SET HD ต่อเนื่องจากเดือนที่แล้ว เนื่องจากราคาหุ้นมักจะปรับตัวมากกว่าตลาด (Outperform) เสมอในช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. ของทุกปี หุ้นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือน ม.ค. คือ AP, INTUCH, IRPC, KKP, SUSCO, TVO และ VNT ทั้งนี้ หุ้น AP, INTUCH, IRPC และ KKP เป็นหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ที่อยู่ในดัชนี SET HD ขณะที่หุ้น SUSCO, TVO และ VNT เป็นหุ้นขนาดเล็กที่อยู่นอกดัชนี SET HD แต่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลดี ดังนั้น บล.ทิสโก้จึงมองทุกการย่อตัวของตลาดเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นเพิ่ม เพื่อหวังผลการลงทุนในรอบ 3-4 เดือนข้างหน้า ด้านแนวรับ และแนวต้านสำคัญของดัชนีหุ้นไทยเดือนนี้แบ่งออกเป็น 1,540 - 1,550 จุด หากผ่านได้จะมีแนวรับและแนวต้านถัดไปที่ 1,590 -1,600 จุด และ 1,640 - 1,650 จุด ตามลำดับ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ