'เส้นใยธรรมชาติ’ เพิ่มมูลค่าใบสับปะรด สร้างรายได้เกษตรกร จ.ราชบุรี

อังคาร ๐๗ มกราคม ๒๐๒๐ ๑๑:๒๘
นายพลเชษฐ์ ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าปัจจุบัน ผลผลิตโดยตรงจากอุตสาหกรรมเกษตรส่วนใหญ่ จะใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร โดยวัตถุดิบทางการเกษตรบางส่วน จะเหลือทิ้ง ซึ่งวัตถุดิบเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นได้ เช่น ใบสับปะรด เป็นวัตถุดิบชนิดหนึ่งที่เหลือทิ้ง ในภาคการเกษตร ในการปลูกสับปะรดรุ่นหนึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 ปี หลังจากนั้นเกษตรกรจะรื้อถอนแปลงออกด้วยการถอนต้นแล้วเผาซึ่งเป็นการสร้างมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม หรือใช้วิธีปั่นต้นแล้วตากให้แห้งและไถฝังกลบ เป็นปุ๋ยทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ โดยภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้นำวัตถุดิบเหลือทิ้งเหล่านี้มาทำเป็นเส้นใยธรรมชาติ เป็นการสร้างมูลค่าให้กับใบสับปะรด

จากการสำรวจของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 จังหวัดราชบุรี (สศท.10) ในพื้นที่ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี โดยสัมภาษณ์นายสมชาย อุไกรหงสา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตเส้นใยธรรมชาติบ้านคา พบว่า เกษตรกรในพื้นที่มีการร่วมกลุ่มผลิตเส้นใยธรรมชาติจากใบสับปะรดมาตั้งแต่ปี 2561 ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 22 ราย ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจฯ จะนำใบสับปะรดที่เหลือทิ้งจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ประมาณ 5,000 กก./ไร่ มาผลิตเส้นใยสับปะรด โดยจะรับซื้อใบสับปะรดจากสมาชิกกลุ่ม ในราคากิโลกรัมละ 2 บาท จำนวน 700 – 1,000 กก./วัน จากนั้นจะนำมาคัดแยกใบ ที่มีขนาด 50 ซม. ขึ้นไป แล้วตัดแต่งส่วนโคนและปลายใบออกเพื่อนำเข้าเครื่องรีดเอากากของใบออกจนเหลือแต่เส้นใย แล้วพักไว้ 1 คืน จึงนำมาซักน้ำเปล่าจนสะอาดนำไปตากแดดประมาณ 2 วัน หรือตากในร่มที่มีอากาศถ่ายเทประมาณ 3 วัน หลังจากนั้นนำมาเข้าเครื่องรีดเพื่อแยกเส้นใยอีกครั้ง จะได้เส้นใยพร้อมส่งจำหน่าย ซึ่งจุดเด่นของผลผลิตอยู่ที่การเป็นเส้นใยธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี ไม่ใช้สารฟอกขาว ผงซักฟอก หรือเคมีอื่นๆ

สำหรับด้านการตลาด ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 260 – 300 บาท/กก. ร้อยละ 50 ขายส่งและขายปลีกตลาดในประเทศ ได้แก่ ตลาดอุตสาหกรรมสิ่งทอ กลุ่มแม่บ้าน และลูกค้าทั่วไป ส่วนร้อยละ 50 ส่งออกตลาดต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย นอกจากนี้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ อยู่ในช่วงของการทดลองนำเส้นใยมาทอเป็นลวดลายต่างๆ เพื่อนำไปตัดเย็บเสื้อผ้า กระเป๋า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า และสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชนอีกด้วย

ด้านนางจินตนา ปัญจะ ผู้อำนวยการ สศท.10 กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันกลุ่มผลิตเส้นใยธรรมชาติบ้านคา สามารถผลิตเส้นใย ได้ 300 กก./เดือน แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทางกลุ่มฯ จึงมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เพื่อให้ได้ผลผลิต ที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในอนาคต นอกจากนี้ ทางกลุ่มฯ กำลังทดลองและพัฒนาเครื่องรีดแบบอัตโนมัติเพื่อลดปัญหาด้านแรงงานอีกด้วย ซึ่งหากมีการขยายกำลังผลิตได้ เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มจากการขายใบสับปะรด ประมาณ 8,000 – 10,000 บาท/ไร่ ซึ่งขณะนี้ มีกลุ่มพ่อค้าและกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่สนใจเข้ามาติดต่อขอรับซื้อล่วงหน้าจำนวนหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ เกษตรกรหรือท่านใดที่สนใจข้อมูลการผลิตเส้นใยจากใบสับปะรด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นายสมชาย อุไกรหงสา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตเส้นใยธรรมชาติบ้านคา ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี โทร. 08 9837 9257

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ