นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง จนมีน้ำเค็มรุกเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบสำคัญของ กปภ. ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับการอุปโภคบริโภคน้ำประปา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กปภ.สาขาที่รับน้ำดิบจากแม่น้ำเจ้าพระยาโดยตรงอาจได้รับผลกระทบต่อขั้นตอนและกระบวนการผลิตน้ำประปา นั้น จากการลงพื้นที่ของทีมนักวิทยาศาสตร์ในช่วงเช้าวันนี้ (7 มกราคม 2563) พบว่าค่าความเค็มในแหล่งน้ำดิบ ณ สถานีสูบน้ำดิบวัดไก่เตี้ย (กปภ.สาขาปทุมธานี) วัดได้ 0.16 กรัม/ลิตร ซึ่งยังคงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของการผลิตน้ำประปา (ค่าความเค็มไม่ควรเกิน 0.50 กรัม/ลิตร) แม้ว่าแหล่งน้ำดิบของ กปภ. ยังมีค่าความเค็มในระดับที่ไม่เกินมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม กปภ. ยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำประปาให้ได้มาตรฐานและไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ทั้งนี้ ประชาชนที่มีสุขภาพแข็งแรงสามารถอุปโภคน้ำประปาได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างแน่นอน
นายภวัต แผลงศรี ผู้จัดการ กปภ.สาขาปทุมธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ กปภ.สาขาปทุมธานี ยังคงรับน้ำดิบจากแม่น้ำเจ้าพระยามาผลิตน้ำประปาเพื่อให้บริการประชาชนพื้นที่ อ.เมือง (บางส่วน) อ.สามโคก และ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ได้ตามปกติ แม้ว่าระดับความเค็มจะเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตแต่อย่างใด หากในช่วงน้ำทะเลหนุนสูง กปภ.จะงดสูบน้ำดิบจนกว่าค่าความเค็มจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ จึงจะสูบน้ำเข้าสู่กระบวนการผลิตเพื่อให้บริการประชาชนต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงที่ยังคงมีความเสี่ยง ประกอบกับสถานการณ์ภัยแล้งที่เริ่มส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ ขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์ เพื่อรักษาปริมาณน้ำต้นทุนในขณะนี้ให้เหลือเพียงพอสำหรับช่วงฤดูแล้งที่ใกล้ถึงนี้