ทั้งนี้ เมล่อนเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิดแต่ดินที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกมากที่สุด คือ ดินร่วนปนทรายส่วนสภาพอากาศที่เหมาะสม คือ อากาศอบอุ่น มีแสงแดดเพียงพอและความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ นอกจากนี้ การปลูกเมล่อนในฤดูร้อน ผลจะสุกเร็วกว่าในฤดูหนาว เมื่อผลมีขนาดเท่าไข่ไก่จะเริ่มทำการห่อผล หลังจากห่อผลประมาณ 1 เดือน ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ส่วนการตัดผลเมล่อน นอกจากตัดขั้วติดมาแล้วยังต้องตัดให้ติดส่วนของกิ่งแขนงย่อยออกมาด้วย โดยให้ติดเป็นรูปตัว T หลังจากเก็บเกี่ยวสามารถเก็บรักษาผลผลิตได้ประมาณ 15 – 20 วัน นอกจากนี้ หากต้องการให้เมล่อนมีความหวานมากขึ้น ควรงดการให้น้ำก่อนการเก็บเกี่ยวประมาณ 5 วัน
ด้านนางจินตนา ปัญจะ ผู้อำนวยการ สศท.10 กล่าวเสริมว่า ในสภาพภูมิประเทศของประเทศไทย การผลิตเมล่อนให้ได้คุณภาพสูงนั้น จำเป็นต้องมีการดูแลเอาใจใส่ในการเพาะปลูกเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของตลาด หากพิจารณาถึงด้านการตลาด กลุ่มเกษตรกรจะจำหน่ายผลผลิตให้กับ Tops supermarket ซึ่งมีความต้องการผลผลิต ไม่จำกัด โดยจะส่งผลผลิตให้ประมาณ 5,000 กิโลกรัม/สัปดาห์ และส่งร้านขายของฝากในจังหวัดและต่างจังหวัด อีกทั้ง ยังมีพ่อค้าทั่วไปมารับซื้อผลผลิตถึงพื้นที่อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายปลีกหน้าร้านชื่อ โกดังเมล่อน และทางออนไลน์ผ่านเฟสบุ๊ค ป๋องเมล่อน และ Pum Puangmee โดยได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งการขายออนไลน์จะขายได้ราคาดีกว่าการขายส่ง แต่ปริมาณน้อยกว่า จึงต้องขายควบคู่กันเพื่อกระจายความเสี่ยง (สัดส่วนการขายส่งร้อยละ 50 ส่งพ่อค้าทั่วไป ร้อยละ 20 ขายหน้าร้าน และออนไลน์ร้อยละ 20 และส่งร้านขายของฝากร้อยละ 10 ของผลผลิต) ทั้งนี้เกษตรกรหรือท่านใดที่สนใจข้อมูลการผลิตและการตลาดเมล่อนในจังหวัดกาญจนบุรี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สศท.10 โทร. 0 3233 7951 หรืออีเมล[email protected] หรือสามารถขอคำปรึกษา นายอาทิตย์ นิยมวงษ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจผู้ปลูกเมล่อน สวนกิตติยาฟาร์มตำบลลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โทร. 08 1019 5674