"ยืนยันว่าปริมาณหมูมีเพียงพอต่อการรองรับการบริโภคในประเทศ ผู้บริโภคไม่ต้องกังวล การปรับราคาขึ้นนี้สะท้อนตามกลไกตลาด จากการบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน ขณะที่การเลี้ยงสุกรขณะนี้เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งจากการเฝ้าระวังและป้องกัน ASF อย่างเข้มงวด ทำให้เกษตรกรต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องระบบป้องกันโรคเพิ่มตัวละ 3-5 บาท ขณะเดียวกันปัญหาภัยแล้งและอากาศแปรปรวน หลายพื้นที่ร้อนจัดส่งผลกระทบโดยตรง ทำให้สุกรกินอาหารน้อยลงและโตช้า ต้องเลี้ยงนานขึ้น โดยต้องยืดเวลาเลี้ยงออกไปอีก 2 สัปดาห์ ต้นทุนจึงเพิ่มขึ้นทั้งค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าแรงงาน ขอให้ผู้บริโภคเห็นใจด้วย" นายสุรชัย กล่าว
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ภาวะภัยแล้งทำให้ปัจจุบันปริมาณน้ำสำรองที่กักเก็บไว้ใช้ภายในฟาร์มเริ่มไม่เพียงพอ เกษตรกรหลายพื้นที่จำเป็นต้องซื้อน้ำจากแหล่งอื่น สำหรับให้สุกรกินและเป็นน้ำใช้ในฟาร์ม และยังต้องมีต้นทุนเพิ่มในการปรับคุณภาพน้ำให้สะอาด ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนเพิ่มในส่วนของค่าน้ำเป็น 300-600 บาทต่อการเลี้ยงสุกรขุน 1 ตัว จากปกติต้นทุนส่วนนี้อยู่ที่ 30 บาทต่อตัว หรือเพิ่มขึ้นถึง 3-6 บาทต่อเนื้อสุกร 1 กิโลกรัม