นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด ภายใต้แบรนด์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปี 2562 ที่มีการชะลอตัว รวมถึงปัญหาจากภัยธรรมชาติโดยเฉพาะปัญหาเรื่องน้ำท่วม ได้ส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้ภาครัฐออกมาตรการลดภาระเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งในส่วนลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอน แต่มาตรการดังกล่าวก็ยังไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้มากนัก เพราะเป็นแค่มาตรการในระยะสั้น ๆ เท่านั้น ทั้งนี้บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านต่างก็ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด แม้จะต้องเผชิญกับปัจจัยลบหลายด้านก็ตาม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากำลังซื้อผู้บริโภคยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพที่มีความน่าเชื่อถือ และสามารถให้บริการได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
"สำหรับในปี 2562 ที่ผ่านมา แม้จะต้องเผชิญกับปัจจัยลบหลายด้าน แต่พีดีเฮ้าส์เองก็สามารถทำยอดขายได้เติบโตสวนทางเศรษฐกิจ จากการปรับกลยุทธ์และวางแผนรองรับไว้หลายด้าน อาทิเช่น การลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ การเปิดตัวแบบบ้านใหม่ ๆ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น การพัฒนาวัสดุก่อสร้างหรือสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ช่วยลดต้นทุนค่าก่อสร้าง รวมถึงการจัดโปรโมชั่นในทุกไตรมาส กระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้น ที่กล่าวมาทำให้ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมทุกสาขาได้ใกล้เคียงเป้าที่ตั้งไว้ หรือประมาณ 1,000 ล้านบาทเศษ" นายพิศาล กล่าว
อย่างไรก็ตามในปี 2563 นี้ถือเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมากอีกปีหนึ่ง ด้วยเพราะสถานการณ์ต่างๆ ไม่เอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่น่ากังวลและยังมองไม่เห็นปัจจัยบวก ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ แนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มมองเห็นวิกฤตจากราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ปัญหาภัยแล้งที่คาดว่าจะส่งผลในวงกว้างขึ้นทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลงและมีหนี้สินเพิ่ม การหมุนเวียนของเศรษฐกิจระดับล่างฝืดเคือง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อภาคธุรกิจเอกชน รวมไปถึงปัญหาความมั่นคงทางการเมือง ทั้งนี้คาดการณ์ว่าตลาดรับสร้างบ้านในปีหนูทองนี้ คงมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นในส่วนของบริษัทฯ จึงต้องวางกลยุทธ์การตลาด เพื่อเร่งกระตุ้นยอดขายในช่วงต้นปีให้ได้มากที่สุดก่อน รวมทั้งเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่เชื่อว่าจะรุนแรงมากที่สุด
ด้านนางสาวถิรพร สุวรรณสุต กรรมการบริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารสิทธิ์แฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พีดีเฮ้าส์เองยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างบ้านอนุรักษ์พลังงาน และสร้างบ้านด้วยมาตรฐานเดียวกันทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้างความแตกต่าง และนำมาใช้สื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างได้ผล สำหรับในช่วงครึ่งแรกปี 2563 นี้ พีดีเฮ้าส์ เตรียมนำเสนอแบบบ้านหรูซีรี่ย์ใหม่ ตามเทรนด์ 2020 ชิงแชร์ตลาดบ้านระดับ Luxury ภายใต้แนวคิดในการออกแบบบ้านสไตล์ โมเดิร์นฟาร์มเฮ้าส์ (Modern Farmhouse) จำนวน 4 แบบ และแบบบ้านสไตล์ โมเดิร์นเมดิเตอร์เรเนียน (Modern Mediterranean) จำนวน 4 แบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 300-650 ตารางเมตร ราคาค่าก่อสร้างเริ่มต้นที่ 10-20 ล้านบาท โดยเน้นตอบโจทย์ครอบครัวรุ่นใหม่ ที่หลงใหลในความเรียบง่ายอย่างมีสไตล์ พร้อมทั้งได้กลิ่นอายธรรมชาติกับบ้านสไตล์โมเดิร์นฟาร์มเฮ้าส์ ในส่วนของบ้านโมเดิร์นเมดิเตอร์เรเนียน ที่เน้นโทนสีขาว ด้วยการนำสไตล์บ้านเมดิเตอร์เรเนียนแบบดั้งเดิม มาปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตในสไตล์แบบไทย ผสมผสานกับดีไซน์โมเดิร์น เน้นการใช้วัสดุตกแต่งหรูหรามีราคา เพื่อให้ผู้บริโภคที่มีรสนิยมและชื่นชอบบ้านที่ดูหรูหรา ตรงกับความต้องการมากที่สุด สำหรับลูกค้าที่จองปลูกสร้างบ้าน 3 ท่านแรก ในช่วงเปิดตัวแนะนำแบบบ้านซีรี่ย์ใหม่ รับโปรโมชั่น พิเศษส่วนลดเงินสด 1,000,000-2,000,000 บาท
นอกจากนี้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้ออย่างต่อเนื่องในไตรมาส 1/2563 นี้ บริษัทฯ จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด สำหรับลูกค้าที่ปลูกสร้างตามแบบบ้านที่มีให้เลือก 200 แบบ ภายใต้แคมเปญ "โปรฯ ดีไม่มีชวด มอบอั่งเปาแบบ ปัง ปัง!" โดยมอบอั่งเปา 3 ต่อ ได้แก่ อั่งเปาต่อที่ 1 มอบทองคำมูลค่าสูงสุด 900,000 บาท อั่งเปาต่อที่ 2 โทรศัพท์มือถือ iPhone 11 อั่งเปาต่อที่ 3 voucher ค่าออกแบบตกแต่ง มูลค่าสูงสุด 200,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองและเซ็นสัญญาปลูกสร้างบ้านกับพีดีเฮ้าส์ ทุกสาขาทั่วประเทศภายในวันที่ 15 ก.พ.นี้ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 400 ล้านบาท