"ไวรัสโคโรนา" คือ โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Corona Virus [CoV] ซึ่งไวรัสตัวนี้อยู่ในตระกูลเดียวกันกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส (SARS) หรือโรคเมอร์ส (MERS) ซึ่งเป็นโรคระบาดหนักใน 37 ประเทศทั่วโลก เมื่อปี 2002 – 2003 ที่ผ่านมานั่นเอง โดยปกติแล้ว Corona virus เป็นชื่อรวม ๆ ของสายพันธุ์ไวรัส ซึ่งจะคล้าย ๆ กับสายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่อย่าง influenza ที่สามารถแบ่งออกได้หลากหลายสายพันธุ์
สำหรับโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งค้นพบนี้ มีชื่อสายพันธุ์ว่า 2019nCoV (ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่ใช่ชื่อเรียกของสายพันธุ์อย่างเป็นทางการ) ด้านนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบตั้งข้อสันนิษฐานว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้มาจากไวรัสในค้างคาวที่กลายพันธุ์ โดยมีงูเป็นตัวกักเก็บและแพร่เชื้อ ทั้งนี้หากมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ออกมาเพิ่มเติม ในอนาคตเราคงได้ทราบรายละเอียดกันมากขึ้น
เริ่มเกิดการระบาดมาจากไหน?
เดิมทีโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ อยู่ในตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส (SARS) หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรงที่เคยระบาดหนักใน 37 ประเทศทั่วโลกช่วงปี 2002-2003 ซึ่งเป็นเชื้อที่ติดต่อจากคนสู่คน ไม่ใช่เพียงแค่การติดต่อจากสัตว์สู่คน มีอาการสำคัญ ได้แก่ มีไข้ ไอ หายใจเหนื่อยหอบ โดยสาเหตุที่เชื้อไวรัสชนิดนี้ถูกเรียกว่าโคโรนา เป็นเพราะหากส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน จะพบว่าเชื้อชนิดนี้มีลักษณะเป็นวงกลม และมีขายื่นออกมาจากตัวเชื้อ
ส่วนต้นตอของเชื้อไวรัสโคโรนา จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นในประเทศจีน พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ทำงานในตลาด หรือมีประวัติเดินทางไปที่ตลาดค้าส่งอาหารทะเลแห่งหนึ่งกลางเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นตลาดที่มีการค้าสัตว์หลายชนิด เช่น นก, ไก่ฟ้า, งู, เครื่องในกระต่าย รวมถึงสัตว์ป่าอื่นๆ และเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้คาดว่ามาจากไวรัสในค้างคาวที่กลายพันธุ์ โดยมีงูเป็นตัวกักเก็บและแพร่เชื้อ
วีธีการติดต่อของไวรัสโคโรนา
1. สัมผัสสารคัดหลั่ง - เช่น น้ำมูก น้ำลาย เป็นต้น
2. การไอ จาม - เชื้อโรคจะกระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ
3. สิ่งที่ผู้ติดเชื้อสัมผัสแล้ว - เชื้อโรคอาจปนเปื้อนกับสิ่งของเมื่อเราสัมผัส
"โคโรนา" แสดงอาการอย่างไร?
หากได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว จะเริ่มแสดงอาการออกมาใน 1 – 2 สัปดาห์ และด้วยการที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ อาการที่มักจะแสดงออกมาจึงมีลักษณะอาการคล้ายการเป็นโรคไข้หวัดคือ น้ำมูกไหล, ไอ, เจ็บคอ, ไข้สูง, ปวดหัว, ปวดเมื่อยตามตัว
การป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา
โดยวิธีการง่าย ๆ ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ได้แก่ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด, ไม่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีอาการไอ (หากเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน), หลีกเลี่ยงการไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต, ไม่สัมผัสสัตว์ที่ป่วยหรือตาย, หลีกเลี่ยงการกินสัตว์แปลก ๆและกินอาหารปรุงไม่สุก, ไม่นำมือไปสัมผัสตา จมูก ปากหากไม่จำเป็น, ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์, รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ, ออกกำลังกาย ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่, พักผ่อนให้เพียงพอ /// หากมีอาการ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ทันที
ไวรัสโคโรนายังเป็นเชื้อที่มีการระบาดอยู่ต่อเนื่องในขณะนี้ และที่ผ่านมาได้มีคนเสียชีวิตด้วยเชื้อไวรัสนี้ไปแล้ว ถึงอย่างไรเราควรดูแลสุขภาพพร้อมเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงตลอดเวลา นอกจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ยังมี "โสม" ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีสารสกัดช่วย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย อีกด้วย เป็นเสมือนเกราะป้องกันคอยกำจัดเชื่อโรคที่แปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายนั่นเอง