นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตั้งแต่เริ่มมีความกังวลต่อข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนาที่ลุกลามและพบผู้ติดเชื้อจำนวนเพิ่มขึ้น โดยตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนค่อนข้างมีความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยวของไทย โดยภาคการท่องเที่ยวคิดเป็นประมาณ 12% ของ GDP นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนมากถึง 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปี 2562 และ 30-40% เป็นกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งมองว่าในครั้งนี้ทางการจีนมีระบบการจัดการที่รวดเร็วกว่าในอดีต อาทิเช่น มีการประกาศปิดระบบการคมนาคมเข้า-ออกในเมืองอู่ฮั่นและในอีกหลายเมืองที่ใกล้เคียงอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส การสั่งห้ามทัวร์จีนเดินทางออกนอกประเทศ เป็นต้น ประกอบกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีการพัฒนาและมีประสิทธิภาพมากขึ้นทำให้น่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดีกว่าในอดีต
"บลจ.กสิกรไทย ประเมินว่าในระยะสั้นดัชนีหุ้นไทยอาจยังคงมีความผันผวนจากความกังวลของผู้ลงทุนและข่าวที่เข้ามากระทบ แต่หากสถานการณ์สามารถควบคุมได้ภายใน 2-3 เดือน ดัชนีตลาดในระดับ 1500 จุด น่าจะสะท้อนความกังวลไประดับหนึ่งแล้ว ส่วนในระยะยาวการลงทุนในหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดว่า SET Index ในปีนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะที่ระดับ 1700 จุด" นางสาวธิดาศิริกล่าว
นางสาวธิดาศิริกล่าวเพิ่มเติมว่า คำแนะนำการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนและสามารถลงทุนในระยะยาวได้ จังหวะนี้เป็นโอกาสทยอยเข้าลงทุนในกองทุนหุ้นไทย โดย บลจ.กสิกรไทย ยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องในระบบมีอยู่สูง ประกอบกับราคาหุ้นไทยที่ปรับลงมาในระดับต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ทำให้ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจในเชิงเปรียบเทียบอย่างไรก็ตาม หากผู้ลงทุนไม่สามารถรับความผันผวนได้ หรือลงทุนในกองทุนหุ้นไทยไปบางส่วนแล้ว แนะนำให้ถือต่อและรอประเมินสถานการณ์