นายบุญศักดิ์ เกียรติจรูญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คัมเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (KUMWEL) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบป้องกันฟ้าผ่าและเตือนภัยฟ้าผ่าอย่างครบวงจร ตามมาตรฐานสากล ภายใต้ตราสินค้า "Kumwell" เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตปี 63 ที่ 15-20% จากปี 62 โดยเติบโตจากการทยอยลงทุนของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งทุกโครงการเป็นงานโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีความจำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์และระบบเตือนภัยฟ้าผ่า และเติบโตจากธุรกิจสินค้านวัตกรรมใหม่ "Smart Lightning Management System" นวัตกรรมระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบอัจฉริยะ ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในอนาคต
สำหรับกลยุทธ์ในปี 63 บริษัทเดินหน้าดำเนินงานตามแผนต่อเนื่อง โดยการขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งการสร้างฐานลูกค้าใหม่ และต่อยอดลูกค้าเดิม จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มปริมาณงานติดตั้งอุปกรณ์และระบบเตือนภัยฟ้าผ่า
ขณะที่ โครงการต้นแบบในระบบ "Smart Lightning Management System" นวัตกรรมระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบอัจฉริยะ ที่ KUMWEL เป็นผู้พัฒนารายแรกและรายเดียวของโลก ปัจจุบันบริษัทเริ่มเห็นสัญญาณจากหลายโครงการ ที่มีความสนใจต้องการใช้บริการระบบดังกล่าว โดยกลุ่มลูกค้ารายใหม่ อาทิ กลุ่มการไฟฟ้าและพลังงาน คมนาคม การสื่อสารโทรคมนาคม โรงพยาบาล และความมั่นคงทางทหาร ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งงบประมาณใหม่ปี 63 ซึ่งหากจัดตั้งงบประมาณเรียบร้อย จะถือเป็นโอกาสของ KUMWEL มีแนวโน้มได้รับงานในส่วนนี้เพิ่มเติม
ด้านความคืบหน้าการรับงานวางระบบโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนทยอยเซ็นสัญญาเฟส 2 และเฟส 3 โดยบริษัทเตรียมรับรู้รายได้จากการส่งมอบสินค้าให้กับเฟส 2 ในเดือนก.พ. 63 โดยก่อนหน้านี้บริษัทรับรู้รายได้ในเฟสแรก 3.5 ล้านบาท ( ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร) จากทั้งหมด 14 เฟส ระยะทางรวม 249 กิโลเมตร คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องภายในปี 63
"บริษัทเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานปีนี้ จะเป็นปีแห่งการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ภายหลังจากบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ธุรกิจและบริการของบริษัทเป็นที่รู้จักต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายต่าง ๆ มากขึ้น ถือเป็นโอกาสสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่ดี ซึ่งบริษัทยังคงเดินหน้านำเสนอนวัตกรรมระบบป้องกันฟ้าผ่าให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง" นายบุญศักดิ์ กล่าว
ด้าน "Kumwell Clinic Network" สาขาระยอง บริษัทวางแผนให้เป็นโครงการต้นแบบในการเป็นศูนย์ตรวจสอบ วิเคราะห์ และปรับปรุงระบบแจ้งเตือนภัยฟ้าผ่าและระบบป้องกันฟ้าผ่าอัจฉริยะครบวงจร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาการขยายตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ต่างจังหวัด เพิ่มเติม อาทิ ขอนแก่น ภูเก็ต กระบี่ ตรัง เชียงใหม่ สุราษฏร์ธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา อุดรธานี และสงขลา คาดว่าจะสามารถทยอยเพิ่มจำนวนตัวแทนได้ใน ปี 63 เป็นต้นไป
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็น ต่างประเทศ 19.5% และในประเทศ 74.7% ประกอบด้วย ลูกค้า 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภาคการไฟฟ้าและพลังงาน 26.2% ภาคสิ่งปลูกสร้าง 29.4% ภาคอุตสาหกรรม 14.4% ภาคคมนาคม 3.5% ภาคการสื่อสารโทรคมนาคม 1.0% และภาคความมั่นคงทางทหาร 0.1%