ฟิทช์ปรับแนวโน้มเครดิต บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย เป็นลบ คงอันดับเครดิตที่ 'A+(tha)’

พฤหัส ๓๐ มกราคม ๒๐๒๐ ๑๗:๐๔
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เป็นลบจากมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ที่ 'A+(tha)' อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัทฯ ที่ 'A+(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ 'F1(tha)'

นอกจากนี้ ฟิทช์ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long Term Rating) หุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่ของ SCC – ชุดที่ 1/2563 มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 – ที่ระดับ 'A+(tha)' เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCC เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกัน และไม่ด้อยสิทธิของ SCC และหุ้นกู้ดังกล่าวมีความด้อยสิทธิในเชิงโครงสร้าง (Structural Subordination) อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากจำนวนหนี้สินที่มีหลักประกันและหนี้ที่มีลำดับสิทธิสูงกว่าของบริษัทในกลุ่ม SCC มีอยู่ในระดับที่จำกัด

การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ สะท้อนถึงความเสี่ยงจากอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น ฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดจากธุรกิจเคมิคอลส์ที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง ประกอบกับค่าใช้จ่ายลงทุนที่มีภาระผูกพัน (Committed Capex) ที่อยู่ในระดับสูงในช่วงสามปีข้างหน้า น่าจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) ของ SCC เพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับที่เกิน 3.0 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ไม่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันของบริษัทฯ ในช่วงที่มีการลงทุนขยายธุรกิจ แผนการเพิ่มทุนผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ซึ่งได้มีการยื่นคำขอต่อสำานักงาน ก.ล.ต. แล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2562 นั้น น่าจะช่วยลดแรงกดดันต่ออัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ในช่วงที่มีการใช้เงินลงทุนสูง และทำให้อัตราส่วนหนี้สินฯ ของบริษัทฯ กลับมาอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตได้ โดยผลสำเร็จของแผน IPO และการใช้เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อชำระหนี้หรือเพื่อการลงทุนต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยที่กำหนดอัตราการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ในช่วงหนึ่งถึงสามปีข้างหน้า

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

กระแสเงินสดจากธุรกิจเคมิคอลส์ที่อ่อนแอลง – ธุรกิจเคมิคอลส์ที่อ่อนแอลงอย่างรุนแรงมากกว่าที่คาด น่าจะส่งผลให้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO) ของ SCC ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.0-5.5 หมื่นล้านบาทต่อปี จากที่เคยคาดการณ์ไว้เดิมที่ 6.0-6.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2563-2564 (ปี 2561 อยู่ที่ระดับ 6.3 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับจีน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเคมิคอลส์ที่อ่อนแอลงน่าจะได้รับการชดเชยจากการเติบโตของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจแพคเกจจิ้งของบริษัทฯ ซึ่งน่าจะส่งผลให้รายได้และกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทฯ ยังคงเติบโตในอัตราร้อยละ 3-4 ในปี 2563

การฟื้นตัวเล็กน้อยของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและกระแสเงินสดที่เพิ่มสูงขึ้นจากการขยายธุรกิจแพคเกจจิ้งช่วยลดผลกระทบจากธุรกิจเคมิคอลส์ที่อ่อนแอลงในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562 ส่งผลให้ EBITDA ลดลงในอัตราร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลประกอบการของธุรกิจเคมิคอลส์ยังคงอ่อนแอต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 เนื่องจากการปรับตัวลดลงของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ฟิทช์คาดว่าความต้องการสินค้าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากความตึงเตรียดทางการค้าโลกที่ผ่อนคลายและราคาน้ำมันดิบที่ลดลงในช่วงสามปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้ (EBITDA Margin) ของธุรกิจเคมิคอลส์ยังคงถูกกดดันจากอุปทานในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มโพลีโอเลฟินส์

อัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง – ฟิทช์คาดว่า FFO adjusted net leverage ของ SCC จะเพิ่มขึ้นและคงอยู่ในระดับสูงกว่า 3.0 เท่า ในปี 2563-2565 (อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 2.9 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2562) ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายลงทุน (Committed Capex) ที่สูงกว่า 17.5 หมื่นล้านบาท ในช่วงปี 2563-2566 โดยส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนสำหรับโครงการปิโตรเคมีที่เวียดนาม (Long Son Petrochemicals: LSP) ซึ่งจะยังไม่สร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจนกระทั่งปี 2566 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับสูงนี้อาจลดลงได้ หากบริษัทฯ นำเงินที่ได้รับจากการ IPO ไปชำระหนี้

การกระจายความเสี่ยงในธุรกิจที่หลากหลาย – อันดับเครดิตของ SCC ได้รับการสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี ในด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และในทางภูมิศาสตร์ สำหรับธุรกิจหลักของบริษัทฯ ได้แก่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงเฉพาะที่อาจเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การกระจายความเสี่ยงดังกล่าวส่งผลให้กระแสเงินสดของบริษัทฯ มีความสม่ำเสมอมากขึ้น ซึ่งรวมถึงภาวะอุตสาหกรรมขาลงของธุรกิจเคมิคอลส์ในรอบนี้ ที่บริษัทฯ สามารถบรรเทาผลกระทบบางส่วนได้จากการเติบโตของธุรกิจแพคเกจจิ้ง ในอดีตที่ผ่านมา ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่งได้ช่วยชดเชยผลกระทบจากวัฏจักรขาลงของธุรกิจเคมิคอลส์ในช่วงปี 2554-2555 ในขณะที่ผลกำไรจากธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ลดลงในช่วงปี 2558-2561 ได้รับการชดเชยจากวัฏจักรธุรกิจขาขึ้นของธุรกิจเคมิคอลส์และการขยายตัวของธุรกิจแพคเกจจิ้ง

ธุรกิจหลักทั้งหมดของ SCC มีการกระจายตัวในหลายประเทศในอาเซียน ฟิทช์คาดว่าสัดส่วนรายได้จากการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20-25 ในช่วงสามถึงห้าปีข้างหน้า (ปี 2561 ประมาณร้อยละ 15) โดยได้รับการสนับสนุนจากผลประกอบการของโรงงานปูนซีเมนต์ในอาเซียนที่เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป และการขยายกำลังการผลิตของธุรกิจแพคเกจจิ้งในอาเซียน นอกจากนี้ SCC ยังมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกไปยังตลาดโลกอยู่ที่ประมาณร้อยละ 24 ของรายได้รวมในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562

สถานะความเป็นผู้นำตลาด – SCC เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อันดับเครดิตของ SCC ได้รับการสนับสนุนจากสถานะความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดย SCC มีกำลังการผลิตและส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในหลายประเทศในอาเซียน สำหรับกลุ่มสินค้าปูนซีเมนต์ กระเบื้องเซรามิก เคมีภัณฑ์ขั้นปลาย (โพลีโอเลฟินส์และพีวีซี) และกระดาษบรรจุภัณฑ์

ความผันผวนของธุรกิจ – อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการที่ SCC ต้องเผชิญกับความผันผวนของธุรกิจเคมิคอลส์ ทั้งนี้ SCC มีอำนาจในการกำหนดราคาที่จำกัด เนื่องจากสินค้าหลักส่วนใหญ่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งถูกกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทานในตลาดโลก

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

SCC มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่าบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC, 'A(tha)'/แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) ซึ่งอยู่ในธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดย SCC มีส่วนแบ่งทางการตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศที่สูงกว่า สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่าของ SCC ซึ่งเป็นผลจากขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่ามาก และมีการกระจายความเสี่ยงในหลากหลายธุรกิจ ทำให้ SCC มีอันดับเครดิตที่สูงกว่า SCCC หนึ่งอันดับ แม้ว่า SCC จะมีอัตราส่วนหนี้สินสูงกว่าเล็กน้อย ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ ซึ่งสะท้อนถึงอัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง อันเป็นผลจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่อ่อนแอลงและแผนการลงทุนขนาดใหญ่

เมื่อเปรียบเทียบกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC, อันดับเครดิต 'AA+(tha)' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ, อันดับเครดิตโดยลำพัง 'aa-(tha)') ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย SCC มีการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจที่หลากหลายกว่า ซึ่งทำให้ SCC มีความเสี่ยงต่อความผันผวนของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม PTTGC มีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำกว่า จึงมีอันดับเครดิตที่สูงกว่า SCC

สมมุติฐานที่สำคัญ

- สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

- รายได้เติบโตในอัตราร้อยละ 3-4 ในปี 2563 โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้มาจากธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจแพคเกจจิ้งเป็นหลัก ในขณะที่รายได้จากธุรกิจเคมิคอลส์คาดว่าจะลดลง อัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7-10 ในปี 2564-2565 โดยได้รับการสนับสนุนจากความต้องการสินค้าที่คาดว่าจะฟื้นตัวในทุกธุรกิจและการขยายกำลังการผลิต

- EBITDA Margin อยู่ที่ระดับร้อยละ 12-13 ในปี 2562-2564 (ปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 14)

- ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน (Committed Capex เป็นหลัก) ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท ในช่วงปี 2562-2566

- อัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout) ที่ระดับร้อยละ 40-50 ในปี 2562-2564 (ปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 50)

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก:

- แนวโน้มอันดับเครดิตอาจกลับมามีเสถียรภาพได้หาก FFO adjusted net leverage ของ SCC สามารถปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับประมาณ 3 เท่า ได้ในช่วงปี 2563-2565 (ตามประมาณการ) โดยอาจเกิดจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สูงกว่าที่คาด หรือกระแสเงินสดจากการเพิ่มทุน

ปัจจัยลบ:

- สถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทฯ ที่อ่อนแอลง ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) อยู่ในระดับสูงกว่าระดับ 3 เท่า ในช่วงที่มีการลงทุนขยายธุรกิจ หรือสูงกว่า 2 เท่า อย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ดำเนินธุรกิจปกติโดยไม่มีการลงทุน

สภาพคล่อง

สภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถบริหารจัดการได้: สภาพคล่องของ SCC ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดและเงินลงทุนที่มีสภาพคล่องเทียบเท่าเงินสด (ตามการปรับปรุงตัวเลขโดยฟิทช์) จำนวนประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานในระดับประมาณ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี และความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ในประเทศ รวมถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน สภาพคล่องของ SCC ในช่วงสองปีข้างหน้ายังต้องพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากภายนอกเนื่องจากแผนค่าใช้จ่ายลงทุนที่สูง อย่างไรก็ตาม SCC ได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้จากสถาบันการเงินสำหรับโครงการลงทุนหลักแล้ว

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 บริษัทฯ มีหนี้สินทั้งหมดจำนวน 2.2 แสนล้านบาท โดยร้อยละ 84 เป็นหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ ในสกุลเงินบาท และประมาณร้อยละ 30 ของหนี้สินทั้งหมดจะถึงกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ