ประสิทธิภาพสูงเป็นอันดับ 1 ด้วยสถาปัตยกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Kunpeng 920
ด้วยชิปที่ชาญฉลาด สถาปัตยกรรม Non-Volatile Memory Express (NVMe) แบบครบวงจร อัลกอริทึม FlashLink(R) และความสามารถในการรองรับการทำ Scale Out ได้สูงถึง 32 คอนโทรลเลอร์รวมกัน OceanStor Dorado V6 เป็นระบบ All-Flash Storage ที่ให้ประสิทธิภาพการอ่านและเขียนไฟล์ต่อ 1 วินาที (IOPS) ระดับ 20 ล้าน IOPS นับว่าสูงที่สุดในตลาด และมี Latency ที่ต่ำเพียงระดับ 0.1 มิลลิวินาที ดีกว่าคู่แข่งถึง 2 เท่า สตอเรจ OceanStor Dorado V6 ถือเป็นพันธมิตรที่ลงตัวสำหรับองค์กรที่ต้องการสตอเรจที่จุข้อมูลได้มหาศาลสำหรับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการเครือข่าย การเงิน ภาครัฐ และอุตสาหกรรมการผลิต
ระบบ All-Flash Storage ของหัวเว่ยนี้ใช้ชิปอัจฉริยะแบบ Built-in ถึง 5 ตัว ช่วยร่นระยะเวลาการให้บริการแบบครบวงจร ได้แก่
ชิป Multi-Protocol Interface อัจฉริยะ โฮสต์การทำ Protocol Parsing ซึ่งแต่เดิมใช้ CPU ทั่วไปเป็นตัวจัดการ ทำให้ประสิทธิภาพการเข้าถึงส่วน Front-End เร็วขึ้น 20%
ชิป Processor อัจฉริยะ สร้างมาตรฐานใหม่ให้ศักยภาพการทำงาน ด้วยพลังการประมวลผลที่ดีกว่ามาตรฐานเฉลี่ยในอุตสาหกรรมถึง 25%
ชิป AI อัจฉริยะ วิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน และเรียนรู้ I/O ต่าง ๆ ในขอบเขตของแมชชีน เลิร์นนิ่ง ช่วยเพิ่มอัตรา Read Cache Hit ให้ดีขึ้นราว 50%
ชิป SSD Controller อัจฉริยะ โฮสต์อัลกอริทึม Hardware Flash Translation Layer (FTL) ช่วยให้การเข้าถึงดาต้าภายใน SSD ต่าง ๆ เร็วขึ้น ทำให้ค่า Read Latency น้อยกว่าเกณฑ์โดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรม 10%
ชิป BMC Management อัจฉริยะ มี Storage Fault Library แบบ Built-in ทำให้หาตำแหน่งที่ผิดพลาดได้อย่างรวดเร็ว และทำการตรวจสอบคอมโพเนนต์ และลดระยะเวลาในการกู้คืนข้อผิดพลาดจาก 2 ชั่วโมงเหลือเพียง 10 นาที
การออกแบบระบบ Always-On ที่มีความน่าเชื่อถือด้วย SmartMatrix แบบ 4 เลเยอร์ ทำให้การทำงานลื่นไหลไม่มีสะดุด
สำหรับลูกค้าที่ต้องการระบบไอทีที่แข็งแกร่ง รองรับการผนวกรวมบริการประเภทต่าง ๆ และทำงานได้เสถียรตลอดเวลา ระบบสตอเรจ All-Flash OceanStor Dorado V6 ของหัวเว่ย คือตัวเลือกที่ลงตัวที่สุด มีความน่าเชื่อถือ ตั้งแต่ชิ้นส่วนอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ โซลูชั่น ไปจนถึงเลเยอร์ระบบคลาวด์ รองรับสภาพแวดล้อมแบบผนวกรวมดาต้า ด้วยอัตราการให้บริการสูงถึง 99.9999%
เสริมพลังด้วยอัลกอริทึมอัจฉริยะและชิปเครือข่าย Convergent ที่พัฒนาขึ้นเอง สถาปัตยกรรม SmartMatrix ทำให้ระบบทำงานต่อได้แม้คอนโทรลเลอร์ 7 จาก 8 ตัวในเครื่องต่าง ๆ จะหยุดทำงาน โดยไม่ทำให้บริการหยุดชะงัก ซึ่งเป็นความสามารถที่ไม่มีเวนเดอร์รายใดทำได้มาก่อน
ความน่าเชื่อถือสูง: SmartMatrix ที่ออกแบบให้เชื่อมต่อถึงกันทั้ง Front-end และ Back-end ทำให้ระบบทำงานต่อได้แม้คอนโทรลเลอร์ 7 จาก 8 ตัวจะหยุดทำงาน
ทำงานได้ตลอดเวลา: ในกรณีที่คอนโทรลเลอร์หยุดทำงาน ลิงก์จะยังทำงานต่อเนื่องโดยจะมีช่วง Switchover ที่ใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น โดย LUNs ยังสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชันได้ผ่านคอนโทรลเลอร์ตัวใดก็ได้ แทนการมี Ownership คอนโทรลเลอร์หลายตัวจะแชร์ภาระงานด้วยการรันอัลกอริทึมที่สร้างสมดุลให้งานของคอนโทรลเลอร์แต่ละตัว ถ้าคอนโทรลเลอร์ตัวหนึ่งมีปัญหา คอนโทรลเลอร์ตัวอื่น ๆ จะทำงานแทนได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีการหยุดชะงักหรือการลดทอนประสิทธิภาพ
ความสามารถในการให้บริการ: การอัปเกรดออนไลน์จะใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาทีโดยไม่ส่งผลกระทบต่อโฮสต์เซอร์วิส ใช้โครงสร้างคงที่แบบ 3D ชุดลดการสั่นสะเทือนและการซึมซับ และสกรูกันกระแทกด้วยวัสดุที่ยืดหยุ่น รับประกันการให้บริการได้ตลอดเวลาในช่วงเวลาที่มีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เป็นสตอเรจตัวแรกของอุตสาหกรรมที่ผ่านการทดสอบการทนแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวระดับ 9 แมกนิจูด จากการทดสอบโดย China Telecommunication Technology Labs (CTTL)
O&M ทรงประสิทธิภาพด้วยการผสมผสาน Edge-Cloud AI
ด้วยชิปและอัลกอริทึม AI ระบบสตอเรจ All-flash OceanStor Dorado V6 มีระบบดำเนินการและซ่อมบำรุง (O&M) ที่ชาญฉลาดตลอดอายุการใช้งาน โมเดลธุรกิจใหม่ ๆ จึงไม่ต้องหยุดให้บริการหากต้องมีการโอนย้ายดาต้า ทำให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้เป็นไปอย่างราบรื่น
การผสมผสาน Edge-Cloud: สตอเรจตัวนี้ใช้คลาวด์ AI อเนกประสงค์, Edge AI ที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ และชิป Ascend 310 ในระบบ เพื่อการเทรนเครื่องเพิ่มเติม และการเรียนรู้ลักษณะของบริการในระดับ Deep Learning ช่วยปรับแต่งการใช้งานให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
ทำงานด้วย AI ตลอดอายุการใช้งาน: การจัดการเชิงอัจฉริยะทำให้คาดการณ์ประสิทธิภาพและแนวโน้มการทำงานได้ล่วงหน้า 60 วัน พร้อมคาดการณ์ข้อผิดพลาดได้ 14 วันล่วงหน้า และนำเสนอวิธีแก้ไขข้อผิดพลาดได้อย่างทันท่วงทีและแก้ปัญหาได้ถึง 93%
โปรแกรมแบบ Flash: สถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่นอัจฉริยะทำให้การอัปเกรดชิ้นส่วนทำได้โดยไม่ต้องย้ายข้อมูลเป็นเวลานานถึง 10 ปี ผู้ใช้จึงใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์รุ่นล่าสุดได้พร้อมๆ ไปกับการใช้ประโยชน์จากบริการที่ใช้งานอยู่ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด